counters
hisoparty

Ways to Create Her Own Opportunities - Phoonseeraah (Ada) Tieanworn

12 months ago

          จากการมองเห็นโอกาสมากมาย เมื่อครั้งเดินทางไปยังประเทศสหรัฐอเมริกาเหตุผลสำคัญที่ทำให้น้องเอฎา คุณปุณศิรา เธียรวร ลูกสาวคนโตของคุณพ่อปิง - ปริญญา เธียรวร และ คุณแม่เจี๊ยบ - ดร.อารียา อัศวานันท์ เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อันดับต้นๆ ของประเทศไทย ตัดสินใจเลือกศึกษาในระดับไฮสคูลที่ Choate Rosemary Hall ประเทศสหรัฐอเมริกา กับประสบการณ์ชีวิตวัยเรียนที่ต้องอยู่ด้วยตัวเองในวัยเพียง 14 ปี โดยน้องเอฎาบอกว่านี่เป็นการต้องไปใช้ชีวิตห่างจากครอบครัวเป็นครั้งแรก 

          และนับเป็นโอกาสอันดีที่ทีมงาน HiSoParty ได้สัมภาษณ์น้องเอฎาในขณะที่เดินทางกลับมาพักผ่อนยังประเทศไทยช่วงปิด Spring Break หลังจากต้องไปใช้ชีวิตในต่างแดนตลอดระยะเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา

          “เอฎาเรียนอยู่ที่ Choate Rosemary Hall, Grade 9 ‘Third Form’ เทียบเท่า ม.3 ค่ะ ต้องเรียน 4 ปี ตั้งแต่ ม.3 - ม.6 ตอนนี้เรียน Global Science วิทยาศาสตร์เกี่ยวกับโลก เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม เอฎาเลือกเรียนที่นี่ เพราะคิดว่า Opportunity ค่อนข้างเยอะ เอฎาตัดสินใจอยากไปเองตั้งแต่แรก บอกคุณแม่ว่าอยากไป เพราะคิดว่าเป็นประสบการณ์ที่ดี มันจะช่วยให้เราโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้น แล้วก็จะสามารถค้นคว้าหาสิ่งที่เราชอบทำได้มากขึ้น ถ้าอยู่ใน Environment ที่คนเก่งๆ เยอะ ก็จะช่วยให้เราเก่งขึ้น และช่วยให้มีประสบการณ์ไฮสคูลที่ดีด้วยค่ะ”

          “ครั้งแรกที่ไปดูโรงเรียน เอฎารู้สึกว่าเด็กนักเรียนที่นั่นเขามีแพชชั่น มีความรักในการเรียน รักในการเล่นกีฬา รักในการเล่นดนตรี หรือมีความรักกับอะไรสักอย่างที่ช่วยให้เขาพยายามทำตัวให้ดีขึ้น แล้วเอฎาก็อยากจะอยู่ในกลุ่มนักเรียนที่มีความคิดในการพยายามจะทำให้ตัวเองดีขึ้น เพื่อช่วยทำให้ตัวเองเก่งขึ้นทุกวันค่ะ”

การใช้ชีวิตอยู่โรงเรียนประจำเป็นอย่างไรบ้าง
          “ก่อนหน้าจะเดินทางไปเรียนไฮสคูลที่อเมริกา เอฎาเรียนอยู่ที่ ISB (International School Bangkok) ค่ะ ซึ่งการไปเรียนที่เป็นโรงเรียนประจำต่างจากการเรียนที่ ISB เยอะเลย เพราะอยู่ที่ ISB จะได้เจอคุณพ่อคุณแม่ทุกวัน เจอเพื่อนแค่ครึ่งวัน เจอคุณครูแค่เวลาอยู่ในห้องเรียน แต่พอมาอยู่โรงเรียนประจำก็จะได้เจอเพื่อนทั้งวัน ได้เจอคุณครูทั้งวัน แล้วก็ต้อง Independent มากขึ้น เพราะว่าต้องเข้าไปหาครูเอง สมมติว่ามีคำถาม หรือต้องการความช่วยเหลือจากใคร ก็ต้องยกมือบอกเองว่าต้องการความช่วยเหลือประมาณนี้ค่ะ”

ก่อนเดินทางไปเรียนมีการเตรียมตัวอย่างไร และต้องปรับตัวด้านไหนบ้าง
          “จริงๆ ไม่ค่อยได้มีการเตรียมตัวเท่าไหร่ค่ะ ส่วนใหญ่เอฎาเรียนรู้ไปด้วยกันกับคุณพ่อคุณแม่ว่าต้องทำยังไงต้องปรับตัวยังไง นอกจากนั้นก็มีรุ่นพี่ที่โรงเรียนซึ่งเป็นคนไทยที่ช่วยเหลือ และเวลาไปถึงก็ต้องปรับตัวเยอะค่ะ ต้องปรับตัวในทุกด้านของชีวิตเลย ต้องหาเพื่อนใหม่ ต้องอยู่กับรูมเมทหนึ่งคน เขาเป็นคนเกาหลีที่เกิดในอเมริกา ซึ่งเราคุยกันว่าจะเป็นรูมเมทกันต่อไป เพราะมันไม่ใช่ทุกคนที่จะได้เจอรูมเมทดีๆ รู้สึกโชคดีมาก เพราะเขาเป็นคนที่ตั้งใจเรียน น่ารัก ช่วยให้เราเป็นคนที่ดีขึ้น เรียนเก่งขึ้น”

          “นอกจากนี้ในเรื่องของการปรับตัว จริงๆ เราก็ต้องอยู่เอง ออกไปซื้อของเอง ต้องจัดการตัวเอง เอฎาเป็นนักเรียนเปียโน ถ้าอยากเล่นเปียโนก็ต้องจัดตารางเอง เพราะอยู่ที่เมืองไทยก็มีคุณพ่อคุณแม่ช่วยจัดตาราง แต่อยู่ที่นั่นก็ต้องแบ่งเวลาเองดีๆ เวลาไหนจะไปกับเพื่อน ก็ต้องทำการบ้านให้เสร็จก่อน ต้องเรียนให้เสร็จก่อน เวลานอนต้องนอนให้พอ แล้วก็จัดสรรเวลาทานข้าวด้วยค่ะ”

          “ซึ่งวันแรกๆ ที่ไปเรียนก็คิดถึงครอบครัวนะคะ แต่คนรอบข้างเขาก็คิดถึงเหมือนกัน ก็เลยพยายามจะปรับตัวเหมือนกัน เราเลยรู้สึกว่าไม่ได้อยู่คนเดียว มีเพื่อนช่วยดูแลกันและกัน แรกๆ ก็จัดการตัวเองโดยการพยายามโทรกลับมาหาคุณพ่อคุณแม่ที่เมืองไทย แล้วทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีด้วยการตั้งใจเรียน หาสิ่งที่ชอบทำ ไปสถานที่ใหม่ๆ ลองผจญภัย ไปดูว่าในโรงเรียนมีอะไรบ้าง แล้วหนูก็ได้รู้ว่าโรงเรียนมีน้ำตกอยู่ข้างหลังโรงเรียน มีสนามฟุตบอลเยอะมาก ประมาณ 6-7 สนาม แล้วก็มี Scenery ที่สวยด้วยค่ะ”

ชีวิตประจำวันที่โรงเรียนประจำทำอะไรบ้าง
          “ทุกวันเอฎาจะตื่นประมาณ 6 โมงเช้า จากนั้นก็ไปทานข้าวและเข้าห้องเรียนประมาณ 8 โมงเช้าค่ะ หลังจากนั้นก็เรียนถึง 15.20 น. เรียนเสร็จก็ไปว่ายน้ำจนถึงเวลา 18.00 น. เพราะเอฎาเป็นนักกีฬาว่ายน้ำด้วยค่ะ เสร็จจากการว่ายน้ำก็ไปทานข้าว ซ้อมเปียโน เล่นดนตรีกับวงออร์เครสตร้าจนถึง 20.00 น. แล้วก็กลับไปทำการบ้านจนถึง 22.30 น. หลังทำการบ้านเสร็จก็จัดการกิจวัตรประจำวันและเข้านอนค่ะ แต่ถ้าเป็นวันศุกร์ตอนเย็นพอว่ายน้ำเสร็จ ก็อาจจะออกไปทานข้าว หรือดูหนังกับเพื่อน เพื่อจะได้พักผ่อนบ้าง เพราะถ้าไม่พักผ่อนเลยก็อาจจะเครียดเกินไป หรืออาจจะเบิร์นเอาท์ได้ค่ะ”

การร่วมกิจกรรมต่างๆ ในชมรม หรือคลับของในโรงเรียน
          “นอกจากการเรียนตามปกติ เอฎาก็เข้าไปอยู่ในคลับต่างๆ อย่างคลับชื่อ MUN Club คล้ายๆ การพูดดีเบต แล้วก็อยู่ใน Choate News คลับที่จัดทำหนังสือพิมพ์โรงเรียน ซึ่งเอฎาเป็นนักเขียนอยู่ในนั้น บางวันก็ต้องไปสัมภาษณ์คุณครู สัมภาษณ์เจ้าหน้าที่ต่างๆ ในโรงเรียน สำหรับนำมาเขียนลงในหนังสือพิมพ์ สมมติว่าสัมภาษณ์โค้ชบาสเกตบอล เราก็จะถามว่าเขาชอบอะไร ทำไมถึงมาอยู่ชมรมนี้ เขามีแรงบันดาลใจมาจากไหน พยายามจะเขียนยังไงก็ได้ให้เด็กนักเรียนที่อ่านได้รับแรงบันดาลใจจากบทสัมภาษณ์ของคุณครูบนแคมปัส ปกติเอฎาชอบเขียนหนังสืออยู่แล้วค่ะ พอเห็นว่ามีหนังสือพิมพ์โรงเรียนก็คิดว่าทำไมไม่ไปลองดู เพราะก่อนหน้านี้ไม่เคยเขียนให้หนังสือของโรงเรียนมาก่อนเลย แต่พอได้ลองแล้วสนุกดี ก็เลยอยากทำอีก แต่ก็ยังไม่รู้ว่าแพชชั่นในการเขียนหนังสือจะพาไปถึงจุดไหน แต่ก็จะทำต่อไปค่ะ”

ประสบการณ์ดีๆ และสิ่งที่ได้เรียนรู้ในการไปศึกษาและการอยู่โรงเรียนประจำ โดยที่ไม่มีคุณพ่อคุณแม่อยู่ด้วย
          “นอกจากที่ได้จัดการตัวเอง ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ แล้วก็ได้เข้าหาคุณครูเยอะขึ้น และได้มีเพื่อนใหม่ๆ ที่ดี อีกสิ่งที่เอฎาชอบมากคือ ที่โรงเรียนเขาบาลานซ์ระหว่างการเรียนกับการเล่นค่ะ ทำให้เวลาได้เล่นจะมีความสุขมาก เพราะมีเพื่อนและคนรอบข้างที่ดี แล้วอีกด้านหนึ่งที่ทำให้เวลาคิดถึงแล้วมีความสุขที่สุดคือ Deerfield Day เป็นวันที่เหมือนแข่งกีฬาสีค่ะ แต่เป็นการแข่งกีฬากับอีกโรงเรียนหนึ่ง ที่เป็นเหมือนโรงเรียนคู่แข่งกับเรา เขาจะจัดขึ้นทุกปี แต่ปีนี้ครบรอบ 100th Anniversary พอดีค่ะ แล้วโรงเรียนเราชนะก็เลยสนุก และได้เห็นว่านักกีฬาประเภทต่างๆ ที่เข้ามาเพื่อจะเล่นกีฬาโดยเฉพาะ เขาเก่งขนาดไหน เขาตั้งใจจริงๆ มีแรงบันดาลใจจริงๆ ที่อยากจะทำให้ผลงานออกมาดี และก็เป็นแรงบันดาลใจทำให้ตัวเราอยากดีเหมือนกับเขาค่ะ”

ในอนาคตอยากทำอะไร
          “ตอนนี้ยังไม่ค่อยแน่ใจค่ะ แต่คิดว่าอยากทำธุรกิจเหมือนคุณพ่อ อยากจะช่วยบริหารบริษัทของคุณพ่อต่อไป อาจจะร่วมกันกับน้องทำโรงแรม หรือช่วยกันบริหารงานต่อไปค่ะ”

Photo By : Pumkiat
Author By : Aunnkanta. C

SHARE