หากจะหยิบยกตัวอย่างของเด็กรุ่นใหม่ ที่มีความฝัน และสามารถเดินตามความฝันของตัวเองได้เป็นอย่างดี การันตีได้จากรางวัลมากมายที่เธอเคยได้รับ ไม่ว่าจะเป็นการคว้าแชมป์ในการประกวดร้องเพลงบนเวทีระดับโลกอย่าง American Protégé ตั้งแต่อายุ 11 ทั้งยังได้รับรางวัลเหรียญทองอีกหลายเวที จวบจนปัจจุบันในวัย 16 ปี เธอได้มีโอกาสขึ้นร้องเพลงในงานสำคัญๆ มากมาย และไม่แน่อีกไม่นานเกินรอเราอาจะได้เห็นเธอผ่านจอทีวี ในฐานะศิลปินเดี่ยวรุ่นใหม่มาแรงก็เป็นได้ กับ ‘น้องบีม-วรณัน ภิรมย์ภักดี’ (แฝดน้อง) ลูกสาวของ คุณบิ๋ง – นันทมาลี และคุณจ๊ะ – วรวุฒิ ภิรมย์ภักดี
ปัจจุบันน้องบีม กำลังศึกษาอยู่เยียร์ 11 (Year 11) โรงเรียนนานาชาติบางกอกพัฒนา หรือเทียบเท่ากับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ซึ่งในวัยนี้ เธอก็มีการเตรียมตัวเพื่อเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยแล้ว โดยเธอได้เล่าว่าอยากจะศึกษาต่อในประเทศไทย ซึ่งมีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยลัย เป็นมหาวิทยาลัยในฝันที่อยากจะเข้าศึกษา และหลังจากนั้นค่อยไปเรียนต่อต่างประเทศ
“หนูอยากเรียนด้าน Communication Arts ค่ะ อยากเรียนเกี่ยวกับพวกราฟิกดีไซน์ เพราะหนูชอบวาดรูปในไอแพด หนูชอบวาดรูปการ์ตูน และชอบงานด้านดีไซน์ค่ะ หนูคิดว่าเรียนด้านนี้ คือได้ทั้งวาดรูปซึ่งเป็นสิ่งที่ชอบ และได้ทั้งทางด้านธุรกิจด้วยค่ะ” เราเริ่มต้นบทสนทนากันด้วยการวางอนาคตอันใกล้เกี่ยวกับการเรียนต่อในมหาวิทยาลัย ก่อนจะเข้าสู่เรื่องราวของความฝันของเธอ
ความฝันในวัยเด็ก
“หนูมีความฝันว่าอยากเป็นนักร้องตั้งแต่เด็กๆ ค่ะ ซึ่งคุณพ่อคุณแม่เป็นคนสนับสนุนให้หนูมาร้องเพลงตั้งแต่ 4-5 ขวบ คือคุณพ่อเป็นคนที่จับให้มาร้องเพลงเลย โดยส่งให้เราทั้งคู่ พี่เจม (คุณนันทวุฒิ ภิรมย์ภักดี) ไปลองเรียนร้องเพลง และเล่นดนตรีด้วยกัน หลังจากที่ได้เรียนแล้วหนูก็ชอบ จากนั้นก็เรียนและร้องเพลงมาเรื่อยๆ เลยค่ะ ตอนเด็กๆ ก็จะชอบร้องพวกเพลงเด็กๆ แบบ Twinkle Twinkle Little Star และโตมาหน่อยก็จะชอบเพลงของ Charlie Puth ค่ะ”
เพลงที่ทุกคนชอบให้ร้องให้ฟัง
“เพลงที่ทุกคนชอบขอให้ร้อง ถ้าเป็นเพลงสากล คือ The Rose Song ของ Olivia Rodrigo และอีกเพลงคือ You are the Reason ของ Calum Scott คือ เพลงไทยก็มีเพราะหนูชอบฟังเพลงไทยแต่ไม่ได้มีเพลงไหนเป็นประจำจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ค่ะ”
ศิลปินที่ชอบ
“ศิลปินที่หนูชอบมีหลายคนมากค่ะ ถ้าเป็นศิลปินไทย คือ พี่นนท์ ธนนท์ (คุณธนนท์ จำเริญ) พี่อิ้งค์ – วรันธร (คุณวรันธร เปานิล) พี่อะตอม (คุณชนกันต์ รัตนอุดม) BOWKYLION (คุณพิชญ์สินี วีระสุทธิมาศ) The TOYS (คุณธันวา บุญสูงเนิน) วง Tilly Birds และวง Tattoo Colour ค่ะ จริงแล้วหนูเป็นคนที่ชอบฟังเพลงทุกแบบ ทุกแนว หนูไม่ได้ฟังแค่เพลงของคนคนเดียว หนูชอบกดเพลย์ลิสต์และฟังไปเรื่อยๆ ค่ะ แต่ส่วนใหญ่จะชอบฟังเพลงป็อบมากที่สุด ศิลปินต่างชาติหนูจะชอบวง BTS (ศิลปินเกาหลี) และชอบวง Blackpink ค่ะ ชอบเพราะมีพี่ลิซ่าด้วย และก็ยังมีอีกเยอะมากเลยค่ะที่ชอบ”
ไอดอลในการร้องเพลง
“ต้นแบบในการร้องเพลง คือ พี่ลิซ่า (คุณลลิษา มโนบาล) พี่เขาเก่งมาก เขามีความสามารถมากๆ ซึ่งเขาดังระดับโลก ที่สำคัญเขาเป็นคนไทย ทำให้หนูประทับใจและอยากเป็นให้ได้แบบเขาค่ะ อีกคนหนึ่งคือ พี่นนท์ ธนนท์ เขาเป็นคนที่ร้องเพลงเพราะมากๆ ซึ่งเขาเริ่มต้นมาจากการประกวด The Voice และมีพัฒนาการมาตลอด หนูชอบดูบันทึกการแสดงเขาใน YouTube และรู้สึกว่าเขาเล่นคอนเสิร์ตสนุกมาก เขามีความเป็น Entertainer มากๆ ค่ะ”
ทุกคนต่างมีสไตล์เป็นของตนเอง
“นอกจากเรียนร้องเพลงแล้ว หนูก็เรียนเต้นด้วย ทุกวันนี้ก็ยังฝึกฝนอยู่ค่ะ และด้วยความที่หนูเป็นคนที่ไม่ค่อยได้เล่นกีฬาแบบจริงจัง หรือหนักเหมือนเพื่อนๆ คือหนูเล่นทุกอย่างแต่ไม่ได้ไปลงลึกกับอะไรมากนัก ทำให้บางทีตอนเต้นจะทำให้ดูเหมือนแรงไม่ค่อยเยอะ แต่ครูที่สอนเต้นบอกว่า แม้หนูจะดูไม่ค่อยมีแรงตอนเต้น แต่ว่าเวลาเต้น หนูก็มีสไตล์เป็นของตัวเอง เป็นแนวของตัวเอง บางทีถ้าหนูไปแกะท่าเต้นเพลงมาจากใน YouTube สมมติว่าคนนั้นเขาเต้นแรงๆ ซึ่งพอหนูแกะมาเต้นก็เป็นแนวของหนูค่ะ กลายเป็นสไตล์ของตัวเราเองขึ้นมา”
ความรู้สึกเวลาอยู่บนเวที
“เวลาขึ้นเวที ปกติไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไรนะคะ เพราะจะมีญาติๆ หรือคนที่รู้จักมาดู หนูก็จะมองหน้าพวกเขา มองคนที่คุ้นเคย ทำให้ไม่ตื่นเต้นมาก แต่มีอยู่คนหนึ่งที่ถ้ามาดูแล้วหนูจะตื่นเต้น คือ คุณพ่อ (หัวเราะ) หนูกลัวคุณพ่อมากที่สุด เพราะคุณพ่อเป็นคนที่เป๊ะ และแม่นมาก หนูก็จะประหม่าต่อหน้าคุณพ่อนิดหน่อย คือต่อหน้าคุณพ่อหนูก็ไม่อยากผิดพลาด อยากทำให้ดีที่สุด ถ้าพ่ออยู่ตรงนั้น หนูอยากทำให้ดีที่สุดเสมอค่ะ”
เป้าหมายที่ตั้งไว้
“หนูอยากได้ไปร้องเพลงในเวทีระดับโลก อยากไปขึ้นเวทีที่ต่างประเทศ และอยากมีแฟนอินเตอร์ นอกจากแฟนในประเทศไทย อยากให้คนรู้จักเรา เหมือนพี่ลิซ่า” (ยิ้ม)
สิ่งที่อยากบอกกับคนที่มีความฝัน
“หากอยากร้องเพลงต้องฝึกฝน หรือไปเรียน เรียนที่ไหนก็ได้ และหลังจากนั้นก็เริ่มหาแนวที่ชอบ เริ่มหาตัวเอง หลังจากที่เจอสิ่งที่ถนัดแล้วก็ต้องพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ อย่าหยุด เปลี่ยนแปลงพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ และหากอยากเป็นนักร้องก็ต้องฟังเพลงเยอะๆ เรียนรู้เปิดรับสิ่งใหม่ๆ อยู่ตลอดค่ะ”
โมเมนต์ร้องเพลงที่ชอบที่สุด
“การร้องเพลงกับครอบครัว ร้องเพลงกับญาติๆ มี คุณปู่ คุณอา คุณลุง เวลาที่ทุกคนมาทานข้าวมาอยู่รวมกัน และร้องเพลงกัน อันนี้คือบรรยากาศที่หนูชอบ หรือเวลาที่ได้ร้องเพลงกับเพื่อน สำหรับหนูไม่จำเป็นต้องเป็นเวทีใหญ่ แต่แค่ได้ร้องเพลงกับคนที่เราสนิทคือชอบมากแล้วค่ะ”
อยากเป็นอะไรก็ได้แค่ต้องรู้จักหน้าที่ของตัวเอง
“สิ่งที่ทำทุกอย่าง คุณพ่อคุณแม่สนับสนุนค่ะ ยิ่งการร้องเพลงจุดเริ่มต้นคือ จากคุณพ่อ ซึ่งคุณพ่อบอกเสมอว่าเป็นนักร้องได้ อยากเป็นอะไรก็ได้ แต่ต้องช่วยคุณพ่อและคุณแม่ทำงาน คือ ท่านให้เราเป็นได้ทุกอย่าง แต่ว่าต้องรู้จักหน้าที่ของตัวเอง และหนูก็อยากทำได้ทั้งสองอย่าง คืออยากร้องเพลงและก็ทำธุรกิจของคุณพ่อคุณแม่ไปด้วยค่ะ หนูเห็นศิลปินหลายๆ คน เขาก็ร้องเพลงไปด้วยและทำธุรกิจไป อย่าง Ariana Grande ที่ทำแบรนด์เครื่องสำอาง R.E.M Beauty เขาก็สามารถทำธุรกิจเขาให้ประสบความสำเร็จได้ หนูอยากทำทั้งสองอย่างให้ดีที่สุดค่ะ”
การแบ่งเวลา การลำดับความสำคัญ
“การแบ่งเวลาไม่ได้มีปัญหา เพราะครอบครัว คุณพ่อคุณแม่สนับสนุนทุกอย่างที่หนูอยากทำ อีกอย่างหนูเติบโตมาในครอบครัวนักธุรกิจ หนูได้ซึมซับในสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ทำมาตั้งแต่เด็กๆ เรารู้ว่าเราต้องทำอะไร ไม่มีใครบังคับ อย่างที่บอกค่ะ คุณพ่อคุณแม่บอกว่าหนูจะเป็นอะไรก็ได้แต่ต้องรู้จักหน้าที่ของตัวเอง ทำหน้าที่ให้ดี แบ่งเวลาให้เป็นค่ะ”
ความสำคัญของครอบครัว
“ครอบครัวมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนทุกๆ อย่าง เวลาไปร้องเพลงคุณพ่อคุณแม่ก็ไปให้กำลังใจ ท่านภูมิใจในสิ่งที่เราทำ คุณพ่อคุณแม่ไม่ได้บังคับหรือคาดหวัง แต่อยากให้หนูได้ทำในสิ่งที่ตัวเชอบ ทำให้เต็มที่ และมีความสุขค่ะ”
ผลงานของน้องบีม
• American Protege 1st Place winner vocal musical/ broadway category อายุ 11 ปี
• Gold Prize Award 1st Bangkok Classical Music Festival Competition อายุ 13 ปี
• ในปี 2565 อายุ 16 ปี ได้รับเชิญไปร้องเพลงใน Charity Gala 2 งาน ,Blue by Alain Ducasse 3rd Anniversary ที่ Icon Siam และได้ขับร้องเพลงพระราชนิพนธ์ที่ ททบ 5 รายการ ‘โสมส่องใจเทิดไท้นวมินทร์’ วันที่ 5 ธันวาคม ปี 2564 และ 2565
Author By : Arunlak
