ด้วยการที่เติบโตมาในครอบครัวของนักธุรกิจ และมีโอกาสได้ซึมซับการทำงานของคุณพ่อมาตั้งแต่เยาว์วัย จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ ผู้ชายคนนี้มีความคิดว่าอยากจะสานต่องานที่บ้าน พร้อมกับมีความฝันว่าอยากจะสร้างธุรกิจให้เติบโตขึ้นไปเรื่อยๆ มากกว่าที่คุณพ่อผู้เป็นต้นแบบได้สร้างไว้ เพื่อเป็นความภาคภูมิใจของตนเอง และครอบครัว
คุณมาร์ค – บุญปวีณ บุญมีโชติ นักธุรกิจหนุ่มคลื่นลูกใหม่แห่ง ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป เขาเป็นบุตรชายคนเล็กของ คุณฤทธิรงค์ บุญมีโชติ ประธานกรรมการบริหารกลุ่มธุรกิจอาหารแช่แข็งและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป หรือ ทียู หลังจากที่เรียนจบจาก Harrow international school ที่เมืองไทย เขาได้เดินทางไปเรียนต่อที่ University of San Francisco ทางด้านเศรษฐศาสตร์ และกลับมาพร้อมกับเกียรตินิยมอันดับสอง จากนั้นจึงได้เริ่มทำงานสานต่อในธุรกิจของครอบครัว...
“ผมเรียนไฮสคูลที่ Harrow international school ครับ ตอนเข้าไปเรียนแรกๆ ผมเป็นคนขี้อายมาก ไม่ค่อยเข้าหาคนก่อนเพราะว่าจะเขินๆ ค่อนข้างชอบอยู่คนเดียว ชอบอยู่กับตัวเอง แต่พอโตไปเรื่อยๆ ได้รู้จักเพื่อนได้สนิทกับเพื่อนใหม่ๆ ทำให้เราติดนิสัยเขา คือเริ่มกลายเป็นคนที่ขี้เล่นขึ้น ตอนหลังพอก้าวข้ามความขี้อายเลยกลายเป็นคนกวนๆ ชอบแกล้งเพื่อนไปเลย (หัวเราะ) อะไรที่ทำแล้วรู้สึกว่าตลกก็จะทำ ใช้ชีวิตเหมือนวัยรุ่นปกติทั่วไปเลยครับ ซึ่งตอนจบจาก Harrow ผมสอบติดที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยก่อน แต่ยังไม่ทันได้เข้าเรียน ป๊าบอกว่าอยากให้เรียนต่างประเทศ จึงย้ายกะทันหันไปที่มหาวิทยาลัย USF ที่ซานฟรานซิสโกครับ ไปเรียนคณะ Economic ที่เลือกเรียนด้านเศรษฐศาสตร์ ส่วนหนึ่งเพราะที่บ้านเราทำธุรกิจ แต่ส่วนหนึ่งคือ ผมชอบเรื่องพวกนี้นะ คือตอนเรียนที่ Harrow รู้สึกว่ามันสนุกดี ทุกอย่างมันเกิดขึ้นด้วยเหตุและผล มันเชื่อมโยง คล้องจองกันไปหมด เรียนแล้วรู้สึกสนุก พอต้องเขาเรียนมหาวิทยาลัยเลยอยากเรียนคณะนี้ครับ ที่บ้านผมเขาไม่ได้บังคับอยู่แล้วด้วยว่าต้องเรียนอะไร ป๊าเขาให้อิสระครับ ซึ่งหลังจากที่เรียนจบปริญญาตรีแล้ว ป๊าบอกให้กลับมาลองทำงานที่บริษัทดูก่อน ให้มาเอาประสบการณ์ก่อนแล้วค่อยไปเรียนต่อปริญญาโท แต่ถึง ณ วันนี้ยังไม่ได้ไปเรียนต่อเลยครับ” (ยิ้ม)
เริ่มต้นทำงาน
“ตอนแรกเริ่มต้นที่ Department ของฝั่งธุรกิจ Strategy ครับ เข้าไปดูเรื่องกลยุทธ์ ดูเรื่องการจัดการต่างๆ จะได้เห็นภาพรวมภาพกว้าง แล้วหลังจากนั้นก็ไปดู IR ครับ Investor Relation คือภาพรวมบริษัทเหมือนกัน แต่มีการติดต่อพูดคุยกับพวกนักลงทุน พวกแบงก์ มีที่ต่างประเทศบ้างเวลาไป Roadshow ทำได้ประมาณอย่างละปีกับครึ่งปี หลังจากนั้นก็ย้ายมาอยู่ที่โรงงานฝ่าย Production มาดู Marketing ครับ ตอนนี้ควบคู่ไปกับ Purchasing ด้วยครับ ซึ่งปัจจุบันผมอยู่ตำแหน่ง Department Manager ครับ ตั้งแต่เริ่มทำงานจนถึงตอนนี้ก็ประมาณ 3 ปีแล้วครับ”
แรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต
“ในทุกการทำงานเราจะต้องรู้สึกสนุกกับมัน เวลาเรารู้สึกสนุกกับการทำอะไรสักอย่าง ถ้าเรารู้สึกว่ามันท้าทาย และอยากทำให้มันดีขึ้น เราก็อยากไปทำให้มันดีขึ้นทุกๆ วันครับ นี่เป็นแรงผลักดันให้เราลุกขึ้นไปทำงานครับ”
ความคาดหวังของครอบครัว
“ด้วยความเป็นลูกคนเล็ก คุณพ่อก็คาดหวังให้วันหนึ่งจะ Take Over Role ของคุณพ่อได้ ซึ่งทั้งผมและพี่ชายจะมาช่วยกันทำให้ได้ครับ”
คำสอนของคุณพ่อ
“ป๊าผมเขามักจะชอบพูดว่า ป๊าเชื่อว่าลูกเป็นคนเก่งอยู่แล้ว มีความคิดดี วันหนึ่งก็คงทำได้ดีเหมือนป๊า คือเขาจะพูดให้กำลังใจตลอด เขาไม่กดดันแต่เขาจะพูดอ้อม และให้กำลังใจเราว่าเราต้องทำได้ ส่วนเรื่องข้อห้าม มีไม่กี่อย่างครับ ซึ่งหลายๆ ครอบครัวก็น่าจะเหมือนกันคือ ห้ามเล่นการพนัน ห้ามเล่นยาเสพติด แค่นี้แหละครับ”
หากไม่ได้มาสานต่อธุรกิจครอบครัวคิดว่าตัวเองทำธุรกิจอะไร
“ผมเคยมีความฝัน ถ้าไม่ทำธุรกิจที่บ้าน อยากทำธุรกิจของตัวเอง คิดว่า Challenging มากกว่า ดูท้าทายสำหรับตัวเอง เพราะว่ามีความเสี่ยงเยอะกว่า เพราะด้วยบริษัทที่ทำอยู่ทุกวันนี้ เป็นบริษัทที่ปูฐานมาดีแล้วจึงไม่มีความเสี่ยงอะไร ฉะนั้นความฝันเด็กๆ คืออยากออกไปทำธุรกิจด้วยตัวเอง อยากเสี่ยงครับ (หัวเราะ) ถ้าผมได้ไปทำธุรกิจของตัวเอง ผมจะทำเกี่ยวกับอาหารครับ อย่างเช่น พวก Chain Restaurant อาจจะเป็น Startup ใหม่ๆ ที่เร็วที่ยังไม่มีใครทำ แล้วสามารถขยายต่อไปได้ประมาณนี้ครับ”
แบ่งเวลาการใช้ชีวิตกับการทำงาน
“เวลาเข้างานเลิกงานผมปกตินะครับ แต่ถ้าช่วงที่มีงานเยอะจะเลิกงานช้าหน่อย แต่ถ้าไม่มีอะไรก็เลิกปกติครับ จากนั้นถ้ามีเวลาก็ไปออกกำลังกายบ้าง ไปเข้าฟิตเนส บางทีมีไปตีแบดเล่นฟุตบอลกับเพื่อนบ้างนานๆ ที และผมจะเป็นคนที่ชอบหาร้านอร่อยๆ ทานครับ ผมว่าการที่เราได้ทานอะไรอร่อยๆ มันเป็นความสุขง่ายๆ และผมไม่ได้ซีเรียสว่าต้องเป็นอาหารแพงๆ เท่านั้นนะ ผมทานที่ไหนก็ได้ที่อร่อยครับ”
เคล็ดลับสำหรับเด็กที่เพิ่งเรียนจบแล้วเริ่มต้นทำงาน
“พยายามเรียนรู้จากผู้ร่วมงาน และค่อยๆ พยายามพัฒนาตัวเองตามเขาไป เพราะทุกคนที่เราได้ร่วมงานเขามีประสบการณ์ มีความสามารถ เราต้องคอยเรียนรู้จากประสบการณ์ที่เขาแชร์มาครับ มันทำให้เราได้เรียนรู้ไว้ขึ้น ที่สำคัญเราต้องเปิดใจ”
จุดแข็งในความเป็นเรา
“จุดแข็งของผม คือถ้าผมสามารถทำให้ตัวเองตื่นเต้นกับอะไรได้ ผมจะทำมันออกมาได้ดีครับ คือผมจะอินกับมันมากๆ ผมจะสามารถเข้าใจมันได้เร็ว และผมจะศึกษาสิ่งนั้นจนกว่าผมจะเข้าใจได้จริงๆ”
เป้าหมายในการใช้ชีวิต
“วันหนึ่งผมจะต้องพิสูจน์ตัวเองว่าเราทำได้ดีมากเหมือนที่คุณพ่อเคยทำไว้ ผมจะพยายามทำให้ธุรกิจมันขยายได้กว้างขึ้น ด้วยการเพิ่มความหลากหลายของสินค้าเข้าไป คือเราไม่ใส่ไข่ทุกใบในตะกร้าใบเดียว (Don’t put all your eggs in one basket) อยู่แล้วใช่ไหมครับ ผมพยายามทำทุกอย่างให้มันดีขึ้น ให้พัฒนาขึ้นไปอีกเรื่อยๆครับ”
สามคำที่ยึดถือในการใช้ชีวิต
“ใช้ชีวิตอย่างรอบคอบ มีสติ และพอเพียงครับ”
ขอขอบคุณสถานที่ The Salil Hotel Sukhumvit Soi 57 - Thonglor
Story by Arunlak
Photo by Veerapol
Stylish by K_Wondrous
VDO by Siriwit