มนต์สเน่ห์ของธรรมชาติที่ยังมีความอุดมสมบูรณ์อยู่เต็มเปี่ยม ทำให้ประเทศประเทศสโววีเนียและโครเอเชีย นับเป็นเมืองแห่งมรดกโลกทางธรรมชาติที่น่าหลงใหล ไม่ว่าใครได้ไปสัมผัสเป็นต้องรู้สึกหลงรักบรรยากาศของที่นี่ เหมือนอย่างที่ คุณนุชนาถ ระวีแสงสูรย์ กรรมการผู้จัดการ บจก. ซีแลนด์ คาสติ้ง แอนด์ แมชินนิ่ง ได้พาคุณแม่และครอบครัวเดินทางไปสัมผัสมาด้วยตนเอง
ทริปนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร
ทุกปีจะไปเที่ยวกับคุณแม่ กับครอบครัวเป็นประจำอยู่แล้ว เพราะว่าที่บริษัทจะหยุดยาวในช่วงสงกรานต์ ในปีนี้จึงเลือกไปเที่ยวโครเอเชียกันค่ะ
ทำไมถึงเลือกไปที่เที่ยวที่นี่คะ
พอดีทางยุโรปค่อนข้างจะไปมาเยอะแล้ว สวิตเซอร์แลนด์ อิตาลี ฝรั่งเศส ออสเตรีย ประเทศพวกนี้ไปมาหมดแล้วจนไม่รู้จะไปที่ไหน แล้วพอดีเพื่อนที่เคยไปโครเอเชียเขาแนะนำมาบอกว่าสวยมาก เขาถามเราว่าชอบทะเลไหม เราเลยบอกว่าชอบ เขาบอกว่างั้นควรไปที่นี่เพราะว่าอากาศดีมาก และสวยมาก จึงตัดสินใจไป ทริปนี้ไปมาทั้งหมด 10 วัน ไปสโลวีเนียกับโครเอเชีย
การเดินทางยากไหม
ไม่ยากค่ะ เพราะครั้งนี้ไปกับทัวร์ ไปลงเครื่องที่มิวนิค ประเทศเยอรมัน และนั่งรถต่อเข้าประเทศสโลวีเนีย และเดินทางต่อไปที่โครเอเชีย และกลับมาเข้าสโลวีเนียใหม่ และมาปิดท้ายที่มิวนิคเยอรมัน
ไปเที่ยวที่ไหนมาบ้างคะ
พอลงเครื่องวันแรกก็ไปเที่ยวที่ถ้ำโพสทอยน่า ที่เมืองโอบาเทีย ประเทศสโลวีเนีย ชอบที่นี่มาก เพราะตัวถ้ำใหญ่และลึกมาก ภายในถ้ำเชื่อมต่อถึงเป็นระยะทางกวา 20 กิโลมตร แต่ว่าเขามีความสะดวกสบาย คือเขามีขบวนรถรางไฟฟ้าเปิดให้บริการให้นั่งเข้าไปข้างใน เป็นรถไฟรางยาวๆ นั่งได้เป็นร้อยคน และพอเข้าไปเกือบสุดก็ให้คนลงเดินชมส่วนที่ใหญ่ที่สุดภายในถ้ำที่เรียกว่า Classic Karst ข้างในนี้ก็จะมีหินงอกหินย้อยหลากหลายแบบสีสันสวยงาม อากาศเย็นสบายมาก อุณภูมิข้างในถ้ำเฉลี่ยประมาณ 8-10 องศาสเซลเซียส และในประเทศทางยุโรปถ้ำของเขาจะมีความสมบูรณ์มาก เพราะเขาดูแลดีมาก ไม่ให้แตะต้องเลย หินงอกหินย้อยเล็กๆ น้อยๆ ก็แตะไม่ได้ เขาจะมีระยะให้เราเดิน ไม่ให้จับเลย จะมีกล้องวงจรปิดคอยตรวจทุกจุด และถ้ำโพสทอยน่าแห่งนี้ยังได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติอีกด้วย
พออีกวันก็ไปเมืองลิก้า ประเทศโครเอเชีย เมืองนี้ก็ชอบมาก ได้ไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติทะเลสาบพลิทวิเซ่ ซึ่งที่นี่ก็ได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกเมื่อปี ค.ศ.1979 อุทยานค่อนข้างจะสวยมาก เป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ น้ำเป็นสีเขียวมรกตใสมาก ทุกอย่างในนั้นจะเป็นสีเขียวไปหมดเลย เขาจะพาเรานั่งเรือเข้าไปแล้วให้เดินในอุทยาน เหนื่อยเหมือนกัน แต่ว่าตอนที่เราไปอากาศดีมาก และช่วงที่ไปน้ำตกแรงมาก สวยมากเลยค่ะ
ไปพักที่ไหนมาบ้างคะ
ทริปนี้ส่วนมากจะได้นอนโรงแรมที่ติดกับทะเล ภูเขา เป็นโรงแรมตากอากาศที่คล้ายๆ ภูเก็ตบ้านเรา จะเป็นเมืองตากอากาศแบบริเวียร่าที่มีอากาศดีตลอดทั้งปี ก็จะมีทั้งภูเขา ทะเล แหล่งบันเทิง และมีอีกที่หนึ่งเป็นโรงแรมอยู่ริมทะเล ชื่อ Hotel More ตั้งอยู่ที่ดูบรอฟนิก โครเอเชีย โรงแรมนี้เก๋มาก เขาทำโรงแรมติดภูเขา แล้วด้านล่างที่เป็นถ้ำเขาเอามาทำเป็นผับริมทะเล เราสามารถนั่งริมทะเลก็ได้ หรือถ้าเข้าไปข้างในเขาก็ทำเป็นชั้น 2-3 ชั้น ให้คนนั่งชมหินงอกหิน เป็นอะไรที่แปลกตาไม่เคยเจอเหมือนกัน
อาหารจานโปรดในทริปนี้
ทริปนี้ส่วนมากเขาจะจัดให้ทานอาหารที่ริมทะเล ที่ชอบมากเลยคือเขาพาไปที่เมืองสตอน อยู่ใกล้ๆ กับเมืองดูบรอฟนิก ในโครเอเชีย เมืองนี้เขาจะนิยมเลี้ยงหอยนางรมในทะเลเยอะแยะไปหมด ทางทัวร์เขาก็พาเราไปทานร้านอาหารที่มีฟาร์มหอยนางรม อร่อยมาก สด หวาน ซึ่งเราไม่ได้มีน้ำจิ้มอะไรเลยนะ ใส่แค่ซอสบัลซามิกก็หวานเจี๊ยบแล้ว ปกติจะไม่ค่อยทานแบบนี้เท่าไหร่นะ แต่ที่นี่มันได้ความสด เลยหวานอร่อยมาก และถูกมากด้วย ตัวนึงราคาอยู่ที่ประมาณแค่ 10 คูน่า ที่เป็นเงินของโครเอเชีย ซึ่งตีเป็นเงินไทยก็ตกตัวละ 70 บาท เท่านั้น
ส่วนตอนบ่ายเขาก็พาเราไปที่โอลด์ ทาวน์ และพาไปนั่งกระเช้าทำให้เราเห็นรอบๆ ทะเลทะเลเอเดรียติกหมดเลย แล้วตกเย็นก็ได้ไปทานล็อบสเตอร์ที่ร้านอาหารริมทะเล ซึ่งที่นี่เราประทับใจตรงที่เขาพาเราเข้าไปตั้งแต่ตอนบ่ายจนถึงพลบค่ำ ทำให้เราได้เห็นบรรยากาศของโอลด์ ทาวน์ เมืองเก่าทั้งในตอนบ่ายและตอนกำลังโพล้เพล้ ได้ชมความงดงามของสถานที่ทั้ง 2 บรรยากาศเลย ซึ่งตรงนั้นจะมีทั้งวิหาร โบสถ์ พระราชวัง จัตุรัส น้ำพุ และมีที่ให้ช้อปปิ้ง นอกจากนั้นยังมีให้นั่งล่องเรือชมรอบๆ โอลด์ ทาวน์ ซึ่งนี่ก็ไม่ควรพลาด เพราะสามารถมองเห็นวิวของทะเลเอเดรียติกที่สวยมาก ถือเป็นไฮไลท์ที่เขาพาเราไปรอบนี้ค่ะ
การเดินทางในทริปนี้ประทับใจอะไรบ้าง
การเดินทางในครั้งนี้ก็เริ่มประทับใจตั้งแต่เส้นทาง เพราะปกติขึ้นรถก็จะหลับ แต่ว่าไปทริปนี้แทบไม่หลับเลย จนต้องมาแย่งที่นั่งไกด์นั่งด้านนอกเพื่อที่จะถ่ายรูป เพราะว่าวิวบรรยากาศที่ได้เห็นนั้นสวยมาก เส้นทางที่เดินทางจากมิวนิคเข้าประเทศสโลวีเนียที่ไปรอบนี้เป็นถนนที่ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดและโรแมนติกที่สุดในยุโรป ข้างทางจะมองเห็นภูเขาที่ยังมีหิมะประปรายอยู่ด้านบน ไม่ได้เป็นภูเขาโพลนๆ ทำให้ภาพที่เห็นนั้นออกมาดูสวยงาม ได้เห็นดอกไม้สีเหลืองๆ ที่เขานำไปทำมัสตาร์ดออกดอกบานสะพรั่ง ทั้งยังมองเห็นทะเลแทบจะทุกที่ที่เราไป ตลอดเส้นทางที่เคลื่อนรถผ่านไม่มีตอนไหนที่จะไม่สวยเลย รวมไปถึงสถานที่แต่ละที่ที่ได้ไปท่องเที่ยว โรงแรมที่ได้ไปพัก และอาหารที่ได้รับประทานตลอดทริปนี้ บรรยากาศทุกอย่างทำให้ประทับใจทั้งหมดเลยค่ะ
ได้ฟังเรื่องราวความความสวยงามของทั้ง 2 ประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องมรดกโลกทางธรรมชาติอันทรงคุณค่าแล้ว พาให้อยากแพ็คกระเป๋าเดินทางไปสัมผัสสักครั้งในชีวิต ใครที่มีเวลาและโอกาสอย่าลังเลที่จะเดินทางไปค้นพบประสบกาณ์ใหม่ๆ ในชีวิต ไม่เพียงแค่ที่แห่งนี้ แต่ทุกๆ ที่มีสเน่ห์และคุณค่าที่รอเวลาให้คุณเดินทางไปสัมผัส