คุณเนี๊ยบ-ฐฤณณรัตน์ เดชะทวีวัฒน์ ไม่ตามใครด้วยสไตล์การ Mix and Match

มีคำพูดที่ว่า การเดินทางของแฟชั่นนั้นเป็นวงกลม ต่อให้คุณจะวิ่งตามเพื่อให้ทันสิ่งที่เรียกว่า ‘เทรนด์’ แต่ท้ายที่สุดแฟชั่นจะจูงมือคุณกลับมาที่เดิม ด้วยเหตุนี้เอง สาวหน้าหวานที่มาพร้อมสไตล์เรียบเท่ คุณเนี๊ยบ-ฐฤณณรัตน์ เดชะทวีวัฒน์ จึงบอกกับเราว่า เธอไม่ใช่คนตามเทรนด์ แต่จะเลือกใช้การ Mix and Match เพื่อให้เข้ากับสไตล์ของตัวเองมากกว่า Mix and Match เพื่อลุคที่ Complete เนี๊ยบค่อนข้างมีความเป็นตัวของตัวเอง ชอบแต่งตัวด้วยสีเรียบๆ เช่น ดำ เทา ทอง เงิน แต่จะไปเน้นที่การแต่งหน้า หรือใส่เครื่องประดับเยอะๆ เนี๊ยบไม่สามารถขาดแหวนได้เลย เป็นเครื่องประดับที่เราชอบที่สุด เนี๊ยบชอบการ Mix and Match หยิบอะไรที่ดูไม่เข้ากันมาใส่ให้ได้ลุคที่ Complete และเราไม่ใช่คนที่ตามเทรนด์ตลอดเวลา สมมุติว่า summer นี้เป็นเทรนด์ดอกไม้ เราก็ไม่ใช่คนที่จะตามดอกไม้แน่ๆ (หัวเราะ) เรายอมตกเทรนด์ แต่อาศัยความเป็นตัวของตัวเอง จึงเลือกใช้วิธีการ Match เสื้อผ้าให้เหมาะสมกับตัวเองมากกว่า สาวเท่ที่รักการใส่กางเกงขายาวและรองเท้าสนีกเกอร์ หากพูดถึงการแต่งตัวในวันสบายๆ เนี๊ยบแต่งตัวน้อยค่ะ ก็จะใส่เสื้อยืด กางเกงยีนส์ และรองเท้าสนีกเกอร์ (sneaker) ไม่ใส่ส้นสูงเลย หรือการแต่งตัวไปงานปาร์ตี้กับเพื่อนๆ เนี๊ยบจะชอบใส่กางเกงขาวยาวตลอด ไม่ว่าจะเป็นกางเกงยีนส์ หรือกางเกงขาม้าได้หมดเลย แต่จะไม่ใส่กระโปรง แล้วก็ใส่เข้าคู่กับเกาะอก หรือว่าสายเดี่ยว มีใส่สูทบ้างตามโอกาส และด้วยเทรนด์สนีกเกอร์ตอนนี้มาแรง สังคมไทยเริ่มยอมรับการใส่สนีกเกอร์เวลาออกงานมากขึ้น แต่ทั้งนี้ก็ต้องแล้วแต่งานด้วยค่ะ หากออกงานส่วนมากเนี๊ยบก็ยังใส่ส้นสูงอยู่ เพราะเราต้องให้เกียรติงาน เสื้อผ้าที่ไม่ตกเทรนด์แม้ยุคสมัยจะเปลี่ยนไป ส่วนตัวเนี๊ยบชอบลุคของแบรนด์ vickteerut, ASAVA, Pitchana, Peace by silsupa ค่ะ เพราะไม่ว่าเทรนด์จะเปลี่ยนไปขนาดไหน แต่เรายังสามารถหยิบเสื้อผ้าของแบรนด์เหล่านี้กลับมาใส่ได้เสมอเนี๊ยบไม่เป็นคนยึดติดว่าเสื้อผ้าเก่าเราไม่ใส่ แต่เราเน้นว่าของเก่าต้องเข้ากับเรา ณ. ปัจจุบัน และต้องเข้ากับยุคสมัยในปัจจุบันได้ด้วยเนี๊ยบยังสามารถหยิบกางเกงเรียบๆ ของแบรนด์ vickteerut มาใส่ได้ ในขณะที่แบรนด์อื่นเขาอาจจะ follow trend เกินไป มีกิมมิคเยอะเกินไป เราก็ไม่สามารถย้อนเอากลับมาใส่ได้อีกเป็นเพราะเราเองชอบการแต่งตัวแบบเรียบๆ ด้วยก็จะชอบลุคของแบรนด์เหล่านี้ที่สุดค่ะ Living My Style กับ 6 ไอเทมป์ที่ขาดไม่ได้   กล้องถ่ายรูป Leica Q กล้องตัวนี้เริ่มจากคุณพ่อค่ะ ด้วยความที่ท่านชอบถ่ายรูป เราจึงได้รับมรดกตกทอดมา แต่จริงๆ มันเริ่มจากเราไปเที่ยวที่เกาหลีกับเพื่อนๆ เหตุเกิดจากเราหากล้องของตัวเองไม่เจอ คุณพ่อจึงให้กล้องตัวนี้มาใช้ กล้องตัวนี้คุณพ่อรักมากค่ะ เพราะเป็นตัวที่หายากมาก รอคิวนาน เเล้วช่วงที่มาใหม่ๆก็มีเพียงไม่กี่ตัวในไทย พอเนี๊ยบได้มาใช้แล้วหลงรักลยค่ะ ถ่ายออกมาแล้วสวยมาก กล้องตัวนี้เพื่อนๆ เห็นต่างก็อยากได้กัน (หัวเราะ) ซึ่งตัวเนี๊ยบไม่ได้ชอบถ่ายรูปตัวเอง เนี๊ยบชอบถ่ายรูปคนอื่น ยิ่งเขาเอาไปรีโพสต์ โพสต์ในไอจี (Instagram) เราเห็นก็จะมีความสุข เนี๊ยบจึงรู้สึกว่ารักกล้องตัวนี้ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นของคุณพ่อ เป็นกล้องที่คุณพ่อรัก เรายิ่งต้องรักษาให้ดี แล้วพอเอามาใช้มันก็เหมือนเป็นสิ่งที่เราสามารถสร้างความสุขให้คนอื่นได้ง่ายๆ ผ่านรูปถ่ายจากฝีมือเรา เครื่องประดับ อย่างที่บอกว่าเนี๊ยบเป็นคนชอบใส่เครื่องประดับ ต้องมีติดตัว มีช่วงหนึ่งเนี๊ยบอยากได้แหวน Chanel อยากได้มานานแล้วค่ะ เวลาไปที่ประเทศไหนเนี๊ยบก็จะเข้าช็อปไปดูแต่แหวนของ Chanel ตอนนั้นไปเที่ยวญี่ปุ่นกับคุณแม่ เราก็ไปดูแหวน Chanel ด้วยความที่แหวนค่อนข้างมีราคา เราก็คิดแล้วคิดอีกกว่าจะซื้อ เพราะเนี๊ยบเป็นคนที่เหมือนจะใช้เงินง่าย แต่ของทุกอย่างที่จะซื้อ เนี๊ยบจะหาข้อมูลมาอย่างดี เช็คราคาว่าที่ไหนถูก ที่ไหนดี เราไม่ใช่มนุษย์ที่อยากซื้อก็ซื้อ (หัวเราะ) แต่พอไปดูที่ญี่ปุ่น เราก็ยังไม่ยอมซื้ออีก แค่ไปลอง ไปวัดไซส์ ดูเสร็จเนี๊ยบก็เดินแยกกับคุณแม่ พอกลับมาเจอกัน คุณแม่ดันซื้อแหวนวงนั้นให้ แหวนวงนี้จึงกลายเป็นของที่มีคุณค่าสำหรับเรามาก เพราะคุณแม่แอบไปซื้อให้เราด้วยตัวเองเลยค่ะ (ยิ้ม) รองเท้าสนีกเกอร์(Sneaker) รองเท้าสนีกเกอร์คู่นี้เป็นของ Reebok ค่ะ เราเลือกมาจากร้านของเพื่อนสนิท เราสามารถเลือกได้ว่าอยากได้อะไรในรองเท้าของเรา เนี๊ยบจึงสั่งให้เพื่อนติดชื่อของเนี๊ยบลงไปในรองเท้า แต่เพื่อนไม่ทำ (หัวเราะ) หาว่าเราบ้าหรือเปล่าจะติดชื่อลงไปในรองเท้าทำไม ตอนแรกเราก็รอ เพราะคิดว่าต้องได้รองเท้าเวอร์ชั่นเนี๊ยบแน่ๆสุดท้ายพอเปิดกล่องมาแล้วไม่มีชื่อเรา เสียใจมาก (ขำ) รองเท้าคู่นี้จึงเป็นสนีกเกอร์คู่แรกๆ ที่อยากได้ แล้วตัดใจซื้อแม้จะราคาสูง แต่จนถึงทุกวันนี้ก็ยังใส่ไม่ได้ เพราะคู่เล็ก (หัวเราะ)อีกอย่างรองเท้าคู่นี้เป็นคู่เดียวที่อยู่ในห้องนอนด้วยค่ะ เครื่องสำอาง แป้งที่เนี๊ยบใช้เป็นแบรนด์ CHO ของพี่เนย-โชว์ติกา ซึ่งเป็นพี่สาวที่เรารักมาก เขาเอามาให้ลอง ตอนแรกเนี๊ยบก็คิดว่าจะลองเฉยๆ ไม่ได้จะใช้ แต่พอได้ลองแล้วรู้สึกว่าดีจริงค่ะ วันธรรมดาเนี๊ยบจะไม่ทาร้องพื้น ด้วยความที่เราเป็นคนชอบอะไรง่ายๆ ที่ทำให้ออกจากบ้านได้เร็วที่สุด เนื้อแป้งกลบทุกอย่าง ปกปิดได้ดีมาก ไม่ทำให้เราหน้าลอยด้วย เนี๊ยบจึงใช้แป้ง CHO มาตลอดค่ะ ชอบมาก ส่วนลิปสติกแท่งโปรดเป็นของแบรนด์ Charlotte Tilbury ค่ะ เป็นสีส้มนู้ด (Sexy Sienna) เป็นแท่งที่รักมาก เพราะทาได้ทุกวัน ไม่แต่งหน้าก็ทาได้ แว่นตา ที่เนี๊ยบชอบจะมีสองอันนี้ค่ะ เป็นของ Dior และ Gentle Monster ซึ่งเนี๊ยบจะเป็นคนชอบอะไรที่มันเบาๆ สำหรับ Gentle Monster รูปลักษณ์ของแว่นจะเป็นแบบเท่ๆ ค่ะ ตอนนั้นที่เนี๊ยบซื้อยังไม่ค่อยฮิตกัน เนี๊ยบเห็นแล้วชอบจึงซื้อมาใส่ แต่ตอนนี้อยากได้อีกสีหนึ่งแต่หาซื้อไม่ได้แล้ว แล้วราคาก็สูงมากด้วย เราจึงรู้สึกภุมิใจที่ซื้อในช่วงแรกๆ ที่ยังไม่ราคาสูงเท่าไหร่ (หัวเราะ) ส่วนแว่น Dior อันนี้เป็นของคุณแม่ค่ะ ท่านซื้อมาที่ฮ่องกง แต่พอท่านเอาไปใส่แล้วรู้สึกไม่เข้ากับหน้าจึงให้เนี๊ยบมา ซึ่งเนี๊ยบชอบมาก แล้วใส่บ่อยด้วยค่ะ กระเป๋า เป็นกระเป๋าของ Yves Saint Laurent ราคาไม่สูง แต่เป็นสิ่งที่เราเก็บเงินซื้อเอง คือเนี๊ยบเป็นคนชอบใช้กระเป๋าแบรนด์ แต่ไม่ชอบใช้กระเป๋าแบรนด์ที่มันดูแพงเกินตัวเพราะเราเป็นคนชอบแต่งตัวแนวสตรีทเท่ๆ ไม่ต้องรู้ก็ได้ว่าเราถือแบรนด์อะไร แต่เรารู้ของเราเองก็แฮปปี้แล้ว (หัวเราะ) ดังนั้นกระเป๋าของเนี๊ยบจึงไม่ต้องแพง แต่เป็นกระเป๋าที่มันตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของเราได้แอบบอกว่ากระเป๋าใบนี้ พี่แป้ง-อัชฌา เจริญรัศมีเกียรติ (fifth season) ไปตามล่าหาซื้อมาให้ พี่เขาน่ารักมากค่ะ เพราะเราก็อยากได้ใบนี้มานานแล้ว