ในโลกที่ทุกสิ่งหมุนเร็วและเปลี่ยนผ่าน มิตรภาพบางสายกลับหยั่งรากลึก แน่นแฟ้น และเติบโตงอกงามไปพร้อมกับกาลเวลา กลุ่มเพื่อนทั้งห้าคน ได้แก่ คุณเฟม - ม.ล.ทรงลักษณ์ สวัสดิวัตน์, คุณฝน - รติรส จุลชาต, คุณปลาทู - ธันย์ชนก ฟักอุดม, คุณมิ้งค์ - ดร.พัชรินรุจา จันทโรนานนท์ และ คุณก้อง - กิติภัค เกษรสิริธร คือหนึ่งในบทพิสูจน์อันงดงามของสิ่งนั้น จากวันที่ยังไร้เดียงสาในวัยเยาว์ สู่วันที่แต่ละคนมีเส้นทางชีวิต มีหน้าที่รับผิดชอบที่แตกต่าง แต่ยังคงเดินเคียงกันในอีกบทบาทหนึ่ง คือการร่วมกันพัฒนาแบรนด์ SIRIVANNAVARI อย่างจริงจังและเต็มหัวใจ
บทสัมภาษณ์ครั้งนี้ไม่เพียงเปิดเผยตัวตน มุมมอง และเส้นทางของแต่ละคนเท่านั้น หากยังบอกเล่าถึงแรงบันดาลใจ ความเชื่อ และบทเรียนชีวิตที่หล่อหลอมขึ้นจากมิตรภาพอันยาวนาน มิตรภาพที่ไม่เพียงเติบโต ‘ไปด้วยกัน’ หากยัง ‘เติบโตเพราะกันและกัน’
และในโอกาสครบรอบ 22 ปีของ HiSoParty เราจึงขอพาผู้อ่านไปร่วมรับฟังเรื่องราวแสนพิเศษของทั้งห้าคนพิเศษนี้ ผ่านบทสัมภาษณ์ที่อบอุ่น จริงใจ และงดงาม...
‘โรงเรียนจิตรลดาคือช่วงเวลาวัยรุ่นที่ชัดเจน และสวยงาม’
ดร.พัชรินรุจา จันทโรนานนท์ (มิ้งค์)
“มิ้งค์เข้าเรียนที่โรงเรียนจิตรลดาตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จนถึง ม.6 รวมแล้วก็ 6 ปีเต็มค่ะ เรียกได้ว่าเป็นช่วงวัยรุ่นที่เต็มไปด้วยความทรงจำ ทั้งเรื่องเรียน เรื่องเพื่อน และกิจกรรมต่างๆ ของโรงเรียน ซึ่งมิ้งค์จำได้ชัดเจนมากๆ ค่ะ”
ภาพจำในโรงเรียน
“จิตรลดาเป็นโรงเรียนที่ทุกคนมีความสนิทแน่นแฟ้น เพื่อนในระดับชั้นเดียวกันมีเพียงแค่ 2 ห้อง รวมแล้วไม่ถึง 100 คน ทำให้เรารู้จักกันหมดทุกคน รู้จักทั้งชื่อจริงและชื่อเล่น สนิทกันเหมือนเป็นครอบครัวเลยค่ะ นี่ถือเป็นข้อดีมากๆ ของการเรียนในโรงเรียนที่มีสัดส่วนจำนวนนักเรียนกำลังดี ส่วนกิจกรรมที่โรงเรียนก็เยอะมากค่ะ ไม่ได้มีแค่เรื่องการเรียนอย่างเดียว ทั้งกีฬาสี กีฬาประเพณีที่แข่งกับโรงเรียนสาธิตจุฬา โดยเฉพาะฟุตบอลประเพณี ซึ่งทุกคนก็มีบทบาทร่วมกันหมด ไม่ว่าจะเป็นนักกีฬา เชียร์ลีดเดอร์ หรือกองเชียร์ สนุกสนานและมีสีสันมากค่ะ”
วีรกรรมในความทรงจำ
“ส่วนวีรกรรมที่จำไม่ลืมเลยก็คือตอนใกล้สอบเอ็นทรานซ์ เรามีคาบว่างไว้สำหรับทบทวนบทเรียนกัน แต่ด้วยความที่เราอยากกินขนมกัน เลยขนเตาปิ้ง นม และขนมปังมาปิ้งหลังห้องเรียน สุดท้ายก็โดนยึดหมดเลยค่ะ (หัวเราะ) เป็นความทรงจำที่ทั้งตลกและอบอุ่นค่ะ”
มิตรภาพจากรั้วจิตรลดา
“สิ่งหนึ่งที่ยังอยู่ในใจมิ้งค์เสมอจากโรงเรียนจิตรลดาคือความสัมพันธ์ระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้อง เวลาเราเจอใครที่เป็นศิษย์เก่า เราจะทักกันทันทีว่า ‘พี่รุ่นไหนคะ’ แล้วเราก็รู้สึกสนิทสนมกันขึ้นมาโดยอัตโนมัติ เพลงโรงเรียนเองก็มีพลังมากนะคะ ปลูกฝังความผูกพันได้อย่างลึกซึ้ง
“เพื่อนมัธยมสำหรับมิ้งค์คือกลุ่มเพื่อนที่ไม่เคยหายไปไหนเลย
ถึงแม้ว่าเพื่อนในวัยอื่น ๆ จะเปลี่ยนไปตามช่วงชีวิต แต่เพื่อนมัธยมคือกลุ่มที่เราเติบโตมากินข้าวด้วยกัน ใช้เวลาร่วมกัน ไม่ต้องมีภาพลักษณ์หรือผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง เป็นความสัมพันธ์ที่บริสุทธิ์จริงๆ ค่ะ”
บทบาทในแบรนด์ ‘SIRIVANNAVARI’
“ปัจจุบันมิ้งค์ทำงานอยู่ในส่วนของ Back Office ของแบรนด์ ‘SIRIVANNAVARI’ ค่ะ ดูแลเรื่องการจัดซื้อ การจัดการสต็อก และระบบเบื้องหลังต่างๆ รวมถึงร่วมช่วยงานในอีเวนต์ของแบรนด์ให้ราบรื่น
“แม้จะจบด็อกเตอร์ด้านการเมืองระหว่างประเทศ และทำงานเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยมาโดยตลอด แต่การได้มาทำงานถวายใต้เบื้องพระยุคลบาทขององค์ดีไซเนอร์ ก็ถือเป็นโอกาสที่มิ้งค์ภูมิใจและตั้งใจจะใช้ความรู้ที่มีให้เกิดประโยชน์มากที่สุดค่ะ โดยเฉพาะในด้านระบบและมาตรฐานต่างๆ ที่สำคัญคือการทำงานกับแบรนด์นี้ทำให้ได้กลับมาเจอกับเพื่อนๆ บ่อยมากค่ะ เป็นเหมือนการรียูเนียนที่ต่อเนื่องและมีความหมาย เราได้เจอกันทั้งในงานและนอกงาน ได้คุยกันเกือบทุกวัน ซึ่งทำให้ความสัมพันธ์แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น”
เสน่ห์ของแบรนด์ ‘SIRIVANNAVARI’
“สำหรับมิ้งค์ จุดเด่นที่แท้จริงของแบรนด์ ‘SIRIVANNAVARI’ อยู่ที่ องค์ดีไซเนอร์ค่ะ มิ้งค์รู้สึกทึ่งในพระปรีชาสามารถของพระองค์อย่างมาก เพราะตัวมิ้งค์เองไม่ใช่คนมีหัวศิลปะเลย เวลาได้เห็นแต่ละคอลเลกชันที่ทรงออกแบบก็อดคิดไม่ได้ว่า ทรงคิด ทรงรังสรรค์ออกมาได้อย่างไร ถึงได้กลายเป็นลุคที่ทั้งงดงาม ล้ำสมัย และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะทำได้ง่ายๆ ค่ะ สำหรับมิ้งค์แล้ว นี่แหละคือหัวใจสำคัญของแบรนด์ ที่สะท้อนพระอัจฉริยภาพขององค์ดีไซเนอร์ออกมาได้อย่างชัดเจนที่สุด”
แนวคิดการดำเนินชีวิต
“หลักง่ายๆ ที่มิ้งค์ยึดถือมาตลอดคือ ‘อย่าเครียดเกินไป’ ค่ะ เพราะความเครียดคือจุดเริ่มต้นของปัญหาหลายอย่าง พอเครียด สุขภาพก็แย่ แล้วทุกอย่างจะโดนพาไปหมด ทั้งงาน ทั้งความสัมพันธ์ เราเลยพยายามอยู่บนเส้นทางของการปล่อยวาง ไม่ยึดติดกับอะไรในชีวิตมากเกินไป
“ทุกปีในวันเกิด มิ้งค์จะทบทวนตัวเองว่าเราเคยเครียดเรื่องอะไร และมองย้อนกลับไป เราก็จะพบว่าเรื่องพวกนั้นเล็กนิดเดียว เพราะฉะนั้นปีถัด ๆ ไป ก็จะพยายามเครียดให้น้อยลงเรื่อยๆ ค่ะ”
แรงบันดาลใจ
“คุณแม่คือแรงบันดาลใจที่สำคัญที่สุดค่ะ คุณแม่เป็นอาจารย์ และเคยปลูกฝังเสมอว่าผู้หญิงเป็นอาจารย์เป็นอาชีพที่มั่นคงและเหมาะสม พอมิ้งค์ได้มาเป็นอาจารย์จริงๆ ก็รู้สึกเหมือนได้เติมเต็มสิ่งที่คุณแม่คาดหวังไว้แล้ว ที่เหลือคือการใช้เวลาทำในสิ่งใหม่ๆ ที่ไม่เคยทำมาก่อน เพื่อเปิดโลกให้ตัวเองค่ะ”
มิตรภาพและการเติบโต
“คำว่า ‘เพื่อน’ สำหรับมิ้งค์คือสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยค่ะ เพื่อนเป็นทั้งกำลังใจ เป็นที่ปรึกษา เป็นคนที่คอยช่วยเหลือเราทั้งในยามทุกข์และยามสุข และยิ่งในช่วงวัยทำงาน เราได้รู้จักคนมากขึ้น มิตรภาพก็ยิ่งช่วยส่งเสริมให้การงานเราก้าวหน้าได้เช่นกัน”
คำอวยพรในโอกาสครบรอบ 22 ปี HiSoParty
“ในโอกาสครบรอบ 22 ปีของ HiSoParty มิ้งค์ขออวยพรให้ HiSoParty อยู่คู่สังคมไทยไปนานๆ และได้ถ่ายทอดเรื่องราวดีๆ น่ารักๆ แบบนี้ต่อไป เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนไทยค่ะ”
