เชื่อว่าหลายคนคงคุ้นหน้าคุ้นตากันดีกับคุณหมอสาวสวยมากความสามารถอย่าง แพทย์หญิงพลอยลดา – ไอรินลดา ธนาไพศาลวรกุล หรือ คุณหมอพลอย ซึ่งนอกจากเธอจะเป็นผู้ก่อตั้ง ‘Lollana Clinic’ (ลลลนาคลินิก) สถาบันเสริมความงามด้านผิวพรรณและการปรับรูปหน้า ผู้อยู่เบื้องหลังความสวยใสสุขภาพดีของเหล่าดาราเซเลบริตี้ทั่วเมืองไทยมากว่า 10 ปี คุณหมอพลอยยังมีอีกหนึ่งบทบาทสำคัญคือ งานด้านแพทย์อาสาของสภากาชาดไทยในการเป็นแพทย์ประจำสังกัดบรรเทาทุกข์ ณ สถานีกาชาด ที่อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งได้เธอทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจดูแลคนไข้มายาวนานถึง 10 ปี และในปีนี้เธอกำลังเตรียมตัวลุยสร้างสรรค์ปลุกปั้นธุรกิจใหม่ ทีมงานจึงถือโอกาสอันดีชวนคุณหมอมาร่วมพูดคุยพร้อมอัพเดทเรื่องราวกันที่ ลลลนาคลินิก โครงการ Rainhill สุขุมวิท 47
ช่วงนี้คุณหมอพลอยทำอะไรอยู่บ้างคะ
“สำหรับช่วงที่ผ่านมาส่วนใหญ่หมอจะทำงานทั้ง 7 วันเลยค่ะ คือ 5 วันช่วงเช้า หมอจะเข้าไปทำงานที่สำนักงานบรรเทาทุกข์ของสภากาชาดไทยที่หัวหิน แล้วก็มาดูแล ‘ลลลนาคลินิก’ ทั้ง 2 สาขา คือที่สุขุมวิท 47 และที่หัวหิน นอกจากนี้ก็มีธุรกิจสตาร์ทอัพที่เป็น Anti-Aging อย่าง ‘ไวตาบูสท์’ เป็น Personalized Vitamin เวชศาสตร์ชะลอวัย ที่ให้บริการเฉพาะด้านการป้องกันและฟื้นฟูด้วยวิตามินบำบัด ดังนั้น 7 วันของหมอก็ค่อนข้างเต็มมาก ด้วยความที่เราเป็นคนแอคทีฟไม่ค่อยชอบอยู่นิ่งๆ รู้สึกว่าเวลาว่างก็อยากทำอะไรให้เกิดประโยชน์ แล้วพอเวลาทำงานอะไรไปสักพักหนึ่ง เราก็รู้สึกว่าอยากจะทำอย่างอื่นที่มันท้าทายใหม่ๆ บางทีถ้าไม่มีงานหมอก็จะบินไปเรียนเสริมบ้างอย่างไปเรียนที่เกาหลี หรือเข้าอบรมของอเมริกาเพื่ออัพเดทความรู้ใหม่ๆ หรือเทรนด์อะไรที่เราควรจะต้องนำมาใช้กับคนไข้ของเรา”
ก้าวอันท้าทายปลุกปั้นธุรกิจ ‘ไวตาบูสท์’
“อีกหนึ่งธุรกิจที่ทำก็จะเกี่ยวกับ Preventive Medicine นะคะ คือใช้หลักของ Anti-Aging อันนี้จะเป็นเหมือนการดูแลตัวเองที่เป็น Wellness คือสมัยก่อนมันจะอยู่ตาม OPD ของโรงพยาบาลเอกชนใหญ่ๆ แต่ว่าหลัก Preventive Medicine จริงๆ แล้วสามารถทำให้ประชากรหรือว่าประชาชนคนไทยมีสุขภาพดีขึ้นได้ เพราะว่าเขาต้องใช้หลักการดูแลตัวเองแบบป้องกัน ใช้สารอาหารที่มีคุณภาพเข้าไปบำรุงร่างกายและป้องกันโรคต่างๆ ในอนาคต คือคนสมัยก่อนจะต้องรอป่วยก่อนถึงไปหาหมอ ถูกไหมคะ แต่ว่าของหมอนี่ต้องการจะให้คนเรียนรู้การดูแลตัวเอง เพราะฉะนั้นมันไม่ใช่แค่ว่า สมมติจะไม่กินวิตามินของหมอก็ได้ แต่อย่างน้อยต้องมีความรู้ความเข้าใจว่าทำยังไงที่ทำให้ตัวเองมีชีวิตที่ยืนยาว หรือมีชีวิตที่ดีขึ้น ไม่ใช่เป็นโรคก่อนแล้วค่อยมาตามกินยารักษา คือหมอจะรู้สึกว่า ต้องป้องกันก่อนที่จะเกิดโรคขึ้น ป้องกันว่าดูแลตัวเองหรือยัง มีความเสี่ยงจะเป็นโรคอะไรบ้าง แล้วก็ลดความเสี่ยงอันนั้นหรือยัง เป็นการ Awareness ก่อนที่ร่างกายจะเสื่อม เพราะเวลาร่างกายเสื่อมแล้วมันกอบกู้มาค่อนข้างยากกว่าคนที่ไม่เคยเป็นโรค เพราะฉะนั้นเราก็เน้นการป้องกัน เหมือนเมืองนอกสมัยนี้เขามีมานานมากแล้วค่ะในหลักของ Anti-Aging แต่ว่าคนไทยยังรู้ค่อนข้างน้อย หมอก็เลยอยากจะให้รู้สึกว่า หมอทำเรื่องความสวยงามแล้ว แต่ทีนี้อยากจะให้คนส่วนใหญ่มีชีวิตที่ดีขึ้น มีสุขภาพที่ดีขึ้น เราก็เลยมาจับกลุ่มกับเพื่อนเราที่สนใจอันนี้เหมือนกัน ทำสตาร์ทอัพเกี่ยวกับ Health Tech ค่ะ แล้วคือจริงๆ ทำมาประมาณ 2 ปี และคนส่วนใหญ่ก็ค่อนข้างรู้จักเรา แต่ว่าก็อาจจะยังใช้เซอร์วิสบ้าง ไม่ใช้เซอร์วิสบ้าง แต่ว่ากระแสสุขภาพตอนนี้มาแรง คืออย่างน้อยเราก็เป็นส่วนหนึ่งทำให้คนไทยในสังคมรู้สึกว่า สุขภาพมันต้องดูแลยังไง แล้วก็จะมีบทความให้อ่าน แนะนำการหาอาหาร หรือว่าสารอาหารอะไรที่มันดีต่อร่างกาย ก็คือมีการให้ความรู้กับเขาด้วยค่ะ”
เหมือนเป็นการปูพื้นฐานสุขภาพที่ดีให้กับตัวเอง?
“ใช่ คืออาจจะไม่ต้องเน้นว่าแบบเราไม่ต้องไปซื้ออะไรที่มันไม่ดีต่อร่างกาย บางคนไปซื้อสารอาหารหรืออาหารเสริมที่เป็นอันตราย อันนั้นมันก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดผลเสีย บางคนจะเห็นว่าเป็นตับวาย ไตวาย หมอก็ไม่อยากจะให้เกิดข่าวอย่างนี้เยอะๆ เราเน้นการดูแลตัวเองแล้วก็เลือกใช้สารอาหารที่ดี เพราะว่าเดี๋ยวนี้จริงๆ แล้วพวกอาหารเสริมมีเยอะมาก แต่ว่าผู้บริโภคก็ไม่สามารถรู้ได้เลยว่าอันไหนที่กินเข้าไปแล้วมันจะดีต่อร่างกายจริงๆ คือถ้าสมมติเรากินอาหารที่ไม่ดี ต่อให้เป็นอาหารคลีนที่เขาโฆษณา แต่ถ้าเกิดอาหารนั้นเขาไม่ได้ล้างให้เราสะอาด มันก็อาจจะได้รับสารพิษตกค้าง เพราะฉะนั้นพวกนี้มันมีรายละเอียดเยอะค่ะ มันอาจจะต้องให้คนค่อยๆ คิดว่า โอเค อาหารเสริมในตลาดมีเป็นพันชนิด เพราะฉะนั้นต้องเลือกใช้ชนิดไหนแล้วก็ขนาดเท่าไรที่มันเหมาะกับร่างกายเรา มันก็มีข้อมูลเยอะนิดหนึ่งค่ะ”
อันนั้นก็คือเราทำเป็นในแง่ของคนให้คำปรึกษา?
“เราให้คำปรึกษาด้วย แล้วเราก็จัดสรรวิตามินสำหรับบุคคลให้ด้วย เพราะว่าเรามีบริการเจาะเลือด ส่งพยาบาลไปที่บ้าน แล้วก็มีการประเมินทำแบบสอบถามที่เราจะส่งให้ผู้ใช้บริการ แล้วนำมาวิเคราะห์ว่า คนนี้เขาควรจะต้องกินวิตามินแต่ละตัวโดสเท่าไร ต้องกินอย่างไร แล้วเราก็ปรุงเป็นคอมพาวด์วิตามินให้แล้วก็ส่งไปที่บ้าน เพราะฉะนั้นมันก็คือปลอดภัยและมั่นใจได้ว่าเราไม่ได้ไปกินอะไรมั่วซั่ว เรากินตามผลเลือด และเราจะรู้ว่าวิตามินดีในร่างกายเราขาดเท่าไร เกินเท่าไร เพราะฉะนั้นมันก็เป็นการปรุงวิตามินตามผลเลือดค่ะ”
ทำงาน 7 วัน แบ่งเวลาดูแลตัวเองอย่างไร
“ตื่นเช้ามาหมอจะออกกำลังกายก่อน 30 – 45 นาที แล้วแต่ว่ามีแรงแค่ไหน แล้วหมอก็จะทำงานเช้าถึงเย็น บางทีเลิกเกือบ 2 ทุ่ม ตอนเย็นหมอก็จะรีแล็กซ์บ้าง พาที่บ้านไปทานข้าวบ้าง เพราะฉะนั้นจริงๆ ตารางหมอถามว่ามันก็เต็ม แต่ว่าหมอก็ชินกับการที่ใช้ชีวิตแบบนี้ เพราะฉะนั้นเราก็จะแบ่งเวลาว่า เช้าตื่นมาออกกำลังกาย กลางวันทำงาน แล้วเวลากลางวันทำงานบางทีหมอก็สามารถทำออนไลน์ได้บางอย่างของสตาร์ทอัพด้วย เพราะว่าบางทีสตาร์ทอัพเราทำส่วนใหญ่เป็นออนไลน์กัน เราโคงานกัน คุยทางไลน์บ้าง ตอบอีเมลบ้าง มันก็ทำได้เรื่อยๆ ฉะนั้นก็ค่อนข้างใช้เวลาได้ Productive พอสมควรค่ะ”
ส่วนใหญ่คุณหมอออกกำลังกายอย่างไร
“จริงๆ ด้วยความที่คุณพ่อของหมอมีพื้นฐานเป็นนักกีฬา หมอก็จะรู้ว่าการ Weight Training เป็นอย่างไรบ้าง หมอก็จะมี Weight Training บ้าง ก็คือเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง แล้วก็จะมีสลับกับการคาร์ดิโอ ปั่นจักรยานบ้างหรือเดินเร็วๆ บนลู่ค่ะ”
เคล็ดลับการดูแลรูปร่างแบบฉบับคุณหมอพลอย
“การออกกำลังกายหนึ่งเลยคือมันดูแลรูปร่าง แล้ว 2 คือ ช่วยให้ Cardiovascular ดี หมายถึงทำหัวใจเราแข็งแรง แล้วก็ช่วยเบิร์น แต่การดูแลรูปร่างเราก็ควรทำควบคู่กับการคุมอาหารไปด้วย ดังนั้นเราต้องเลือกรับประทานอาหารที่ถูกสุขลักษณะ โดยบาลานซ์ของอาหารที่ดีก็คือ สมมติ 1 จาน เราควรจะกินผักสักประมาณครึ่งหนึ่ง กินผักให้มาก เน้นผักหลายๆ สี เพราะว่าวิตามินหรือสารอาหารที่มาจากผัก เราไม่ควรจะกินซ้ำชนิดเดิม แต่ว่าบางทีอย่างที่หมอบอก มันยากที่จะกินผักให้ได้ทุกมื้อและล้างผักให้สะอาด เพราะฉะนั้นก็อาจจะต้องดูว่า สมมติว่าวันนี้กินผักได้น้อย เราก็เน้นเป็นปลา ไม่เน้นทอด แล้วข้าวก็เป็นพวก Complex คาร์โบไฮเดรต เป็นข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือที่ทำได้ แล้วก็จริงๆ เราอาจจะมี Cheat Day บ้าง อยากจะกินอะไร สัปดาห์ละครั้งไม่เป็นไร แล้วขนมหวานหมอก็จะพยายามหลีกเลี่ยงพวกน้ำตาลของหวานมากๆ เพราะพวกนี้จะทำให้เกิดสารที่กระตุ้นความแก่ เพราะฉะนั้นก็คือหลีกเลี่ยงน้ำหวาน พวกชานมก็อย่าไปกินเยอะ ทานกาแฟก็เป็นกาแฟดำหรือเป็นกาแฟใส่นมพร่องมันเนย ไม่ใส่ไซรัป ก็คือจริงๆ เราต้องพยายามบาลานซ์ชีวิตกินของที่เราชอบได้บ้าง แต่ว่าอย่าเยอะเกินไป เน้นอาหารที่ดีก็คือผัก 5 สี ผลไม้มีบ้างแต่อย่าเน้นผลไม้ที่หวาน แล้วก็กินไฟเบอร์ที่ให้เพียงพอ”
การดูแลผิวพรรณ
“เราต้องเลือกเครื่องสำอางที่เหมาะกับผิว ไม่อุดตัน แล้วก็มีการทำความสะอาดที่ถูกต้อง ส่วนครีมกันแดด ต้องใช้ทุกวัน มอยซ์เจอไรเซอร์ต้องใช้ทุกวัน เพื่อให้ผิวชุ่มชื้น ป้องกันไม่ให้ผิวเหี่ยวง่าย แล้วอย่างหมอก็จะใช้วิตามินเอก่อนนอน เพื่อเป็นการผลัดเซลล์ผิว คือจริงๆ หลักพวกนี้เป็นหลักที่หาอ่านได้ตามอินเทอร์เน็ตทั่วๆ ไป แต่ว่าก็อาจจะต้องมีการดูแลเสริมเป็นระยะบ้าง เพราะว่าหมออายุเกือบ 40 แล้ว เพราะฉะนั้นคอลลาเจนที่ผิวมันก็เริ่มเสื่อมโทรมไปตามกาลเวลา ก็อาจจะต้องมีการกระตุ้นคอลลาเจนบ้าง ใช้เลเซอร์เสริมบ้างเป็นช่วงๆ ค่ะ”
ความพิเศษที่ไม่เหมือนใครของ ‘ลลลนาคลินิก’
“จริงๆ คือที่นี่จะมีบริการหลายส่วนมากค่ะ ตั้งแต่ยกกระชับผิว ลดริ้วรอย ปรับรูปหน้า ทรีทเมนต์บำรุงผิว ฯลฯเพราะว่ากลุ่มคนไข้ที่ชอบมารักษากับหมอก็จะมีความต้องการแตกต่างกัน เช่น เขาต้องการปรับรูปหน้า บางทีหมอว่างๆ ก็ไปเรียนที่เกาหลีกับหมอศัลยกรรมที่นู่น เพราะฉะนั้นเราก็จะได้เทคนิคอะไรบางอย่างมา สมมติว่าฉีดฟิลเลอร์เพื่อปรับรูปหน้าบางจุด มันก็อาจจะทำให้เห็นผลชัดเจน ซึ่งเราก็จะ Concern ถึงเรื่องความปลอดภัย ฉีดแล้วเราต้องระวังจุดไหน บางคนก็รู้สึกว่าเออ เขาไม่เคยรู้เลยว่าทำแบบนี้แล้วหน้าจะดีขึ้นจริงๆ เขาก็รู้สึกค่อนข้างชอบกับการที่มาปรับรูปหน้าที่นี่ หรืออีกส่วนหนึ่งคือคนที่มาทำผิว เวลาคนที่เขาดูแลผิวต่อเนื่อง คอลลาเจนที่ผิวเขามันก็จะละเอียดขึ้น เพราะฉะนั้นผิวเขาจะดูเด็กลง ไม่ต้องถึงว่าหน้าโดยรวมนะ คือมองแค่ผิวเราก็จะดูรู้แล้วว่าคนนี้อายุเท่าไร เพราะฉะนั้นบางคนที่ดูแลตัวเองอย่างต่อเนื่องเขาก็จะเห็นว่าคุณภาพผิวดีขึ้น หน้าตาดูอ่อนเยาว์ลง เขาก็มั่นใจมากขึ้น หรืออย่างบางรายมารักษาฝ้า ฝ้านี่หมอก็เอาตัวยาเป็นสูตรพิเศษมาจากเมืองนอก เพราะฉะนั้นมันจะไม่ใช่แบบว่ายากรดสมัยก่อนที่เอามาลอกผิว เพราะยาสมัยนี้มันก็สามารถช่วยยับยั้งเอนไซม์การเกิดเม็ดสีได้ ลดเม็ดสี รอยดำ ฝ้า ที่รักษายากๆ หรือบางคนไปทำเลเซอร์มาแล้วมันดำๆ ก็ดีขึ้นได้เยอะ ซึ่งก็จะขึ้นอยู่กับแต่ละความกังวล หรือปัญหาของแต่ละคนนะคะ”
“ส่วนเรื่องพวกทรีทเมนต์ก็มีหลายตัวมาก อย่างที่หมอบอกค่ะ เพราะขึ้นอยู่กับปัญหาผิวของแต่ละคน แล้วก็ถ้าเป็นการปรับรูปหน้า หมอก็จะมีฟิลเลอร์ซึ่งเป็นเทคนิคเฉพาะของหมอ นอกจากนี้ทางด้านเลเซอร์ก็จะมีหลายตัวเช่นกัน ตั้งแต่เป็นซูเปอร์ไฮฟู่ อย่างรุ่นที่หมอใช้ก็เป็นรุ่นที่ปรับไขมันได้ ทำให้หน้าเล็ก ช่วยลดไขมัน แต่เวลาทำนี่ไม่ใช่ว่าไม่รู้สึกอะไรเลยนะคะ มันอาจจะรู้สึกนิดหน่อย เพราะฉะนั้นก็จะเป็นการช่วยที่ฟื้นฟูคอลลาเจนได้ ปรับรูปหน้าได้ดี แล้วคนไข้ไม่เจ็บมาก ไม่ต้องทนไปดมยาหรือว่าเจ็บแบบทนไม่ไหว”
ข้อแนะนำสำหรับคนอยากสวย
“นอกจากการเข้าคลินิกเสริมความงามแล้ว การดูแลผิวหรือว่าร่างกายตัวเองมันไม่ใช่ดูแลแค่ส่วนภายนอกนะคะ มันต้องเป็นองค์ประกอบหลายๆ อย่างรวมกัน เพราะจริงๆ แล้วส่วนที่ทำให้เกิดอนุมูลอิสระในร่างกาย ทำให้ผิวแก่เร็ว ร่างกายเสื่อมเร็ว เพราะฉะนั้นหนึ่งคือ อาหารต้องดี อารมณ์ต้องดี อากาศต้องดี ดังนั้นการที่เราเลือกรับประทานอาหารมีผลหมด อย่างที่หมอบอกว่าน้ำตาลกินเยอะมากๆ ผิวก็แก่เร็ว เพราะว่ามันทำให้เกิดอนุมูลอิสระ และเกิดริ้วรอยง่าย เพราะฉะนั้นก็ควรหลีกเลี่ยงของหวานถ้าไม่จำเป็น แล้วก็ต้องออกกำลังกายด้วย อย่าเครียดมาก เพราะความเครียดก็ทำให้เกิดความเสื่อมของร่างกายเยอะ บางคนถ้าสังเกตดีๆ คนที่เครียดๆ ผมก็จะหงอกก่อน หน้าก็จะมีริ้วรอยมากกว่าคนอื่น นอกจากนี้ครีมกันแดดคือสำคัญมาก ต้องทาทุกวัน แล้วก็ดื่มน้ำเยอะๆ พักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารที่มีผักผลไม้ซึ่งจะช่วยเพิ่มวิตามินให้ร่างกาย เพื่อเป็นการป้องกันอนุมูลอิสระ จริงๆ พื้นฐานทุกอย่างก็คือการใช้ชีวิตเพื่อมีสุขภาพที่ดีค่ะ”