counters
hisoparty

มนต์เสน่ห์ภูฏาน

9 years ago

Putan_1

Putan_2

คุณน้อยหน่า : น้อยหน่าประทับใจ Tiger Nest ที่สุดค่ะ เพราะพวกเราต้องเดินขึ้นไปบนภูเขา ต้องใช้ทั้งแรงศรัทธา และแรงกาย เราภูมิใจที่เดินขึ้นไปถึง คือมันเหนื่อยมากจริงๆ เราตื่นกันตั้งแต่เช้า เพื่อเดินเท้าไปยัง Tiger’s Nest รวมระยะเวลาไป-กลับประมาณ 7 ชั่วโมง มีแค่ไม้คนละอัน สำหรับไว้ค้ำเวลาเดิน กว่าจะกลับมาถึงที่พักก็เย็นแล้ว แต่ก็ถือว่าคุ้มค่าจริงๆ ค่ะ คุณมอลท์ : เวลาที่ทุกคนพูดถึงจะขนลุก ทริปนี้เหมือนต้องมีทั้งดวงและบุญที่ทุกคนทำมา เราได้ไปเจอ ได้ไปทำอะไรหลายๆ อย่างที่คนอื่นไม่มีโอกาส ขนาดรุ่นพี่ที่เขาเป็นคนพาเราไป ยังบอกว่าไม่เคยได้มาทำอะไรแบบนี้เลย ถือว่าพวกเราโชคดีมากๆ ตอนที่ทุกคนเดินขึ้นไป พวกเราไม่ทิ้งกัน แม้จะต้องเจอทางเดินที่ชันมาก เราก็พยายามรอกัน ช่วยเหลือกันตลอด คุณน้อยหน่า : แต่พอเดินไปถึงวัดเหมือนเขาจะปิดวัดแล้ว คุณลูกตาลเพราะที่วัดเขาจะมีพักเที่ยง แล้วปกติเขาจะไม่ให้เข้าไปในวัด แต่พวกเราก็ได้เข้าไป คุณน้อยหน่า : ตอนที่ไปถึงข้างบนเจ้าอาวาสก็ออกมารับ แล้วก็อธิบายรายละเอียดต่างๆ ให้พวกเราฟัง

Putan_3

คุณมอลท์ : ซึ่งคนอื่น กลุ่มอื่นก็ไม่ได้เข้ามา ทำให้เราได้เข้าไปแบบไพรเวทเลยค่ะ คุณน้อยหน่า : นอกจากนั้นท่านเจ้าอาวาสก็ให้หินพวกเรากลับมาด้วย (ชี้ที่ข้อมือ) ซึ่งเป็นหินจริงๆ แต่ละคนได้สีที่ไม่เหมือนกัน แล้วก่อนเดินมาภูฏานเราก็ดูพยากรณ์อากาศบอกว่าจะมีฝนตก แต่พอไปถึงแล้วแดดออก อากาศดีทุกวัน ปาฏิหาริย์มาก คุณมอลท์ : อีกเรื่องแปลกมาก คือ เราเดินกัน 7-8 ชั่วโมง แต่วันรุ่งขึ้นไม่มีใครปวดขา ปวดแขน หรืออะไรเลย แถมหลังมอลท์ก็หายปวดไปด้วย เหลือเชื่อจริงๆ คุณน้อยหน่า : แล้วอีกอย่างคือประเทศเขาจะไม่ค่อยมีบทสวดมนต์ยาวๆ เหมือนบทสวดพระคาถาชินบัญชรแบบบ้านเรา เขาก็เลยจะให้เขียนเป็นคำอธิษฐาน เพื่อให้ลมพัดขึ้นไปบนสวรรค์

Putan_4

คุณลูกตาล : มีอีกที่นึงอยู่บนภูเขา เราไปนั่งปิกนิกกัน เป็นจุดที่เราสามารถมองเห็นเทือกเขาหิมาลัยได้จากตรงนั้น คุณกุ๊กกุ๊ก : เราโชคดีด้วย เพราะไกด์ที่พาไปเขาน่ารัก เขาจะพาเราไปดื่มชา ไปทานข้าวในสถานที่แปลกๆ แบบที่เหมาะกับพวกเราจริงๆ คุณพลอย : แค่จุดชมวิวที่มองไปเห็นเทือกเขาหิมาลัยก็ชอบแล้ว ได้เห็นทั้งธรรมชาติ วัด โบสถ์ Tiger’s Nest ยิ่งได้ไปกับเพื่อน กับญาติสนิทด้วยก็ยิ่งสนุก

Putan_5

โอกาสพิเศษกับการจิบน้ำชาภายในพระราชวัง คุณมอลท์ : แล้วที่พวกเราโชคดีมากคือ ได้มีโอกาสเข้าวังไปจิบน้ำชากับท่านป้าของสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก เนื่องจากไกด์ที่เป็นคนภูฏานเขารู้จักกับคนในวัง เขาก็ชวนให้พวกเราไปจิบชากัน ไม่รู้จะพูดยังไงดีค่ะ ต้องบอกว่าโชคดีจริงๆ คุณลูกตาล : ต้องบอกก่อนว่าประเทศภูฏาน เขาจะบังคับให้มีไกด์เป็นคนภูฏานอยู่ด้วย 1 คน เวลาที่เราไปเที่ยวบ้านเขา คุณมอลท์ : รุ่นพี่เจ้าของทัวร์ที่พาเราไป เขาก็เลยไปจ้างไกด์ภูฏานคนนี้มาอีกทีนึงราก็โชคดีได้เจอไกด์ดี คนขับรถก็ดีค่ะ

ด้วยความสนิทสนมและต้องฝ่าฝันกับการเดินขึ้น Tiger’s Nest  ด้วยกัน ทำให้ทั้ง 5 ท่านได้สัมผัสถึงมิตรภาพที่แน่นแฟ้น บวกกับได้สัมผัสถึงเสน่ห์ของประเทศภูฏานพร้อมพูดถึงความรู้สึกดีๆ มาถ่ายทอดให้กับเราฟังเป็นการปิดท้าย คุณน้อยหน่า : ทริปนี้ทำให้รู้สึกอิ่มใจมากค่ะ ประเทศเขาไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกอะไรเลย ทีวีก็มีแค่ช่องเดียว อินเตอร์เน็ตก็ไม่ค่อยมี ทานข้าวก็ยังใช้มืออยู่ คือเขาธรรมชาติมากๆ แล้วบ้านเมืองเขาก็สวยจริงๆ  และภูฏานปกครองโดยระบบพระมหากษัตริย์ ประชาชนรักพระมหากษัตริย์ เหมือนกับที่พวกเรารักและเทิดทูนในหลวงค่ะ คุณมอลท์ : เขาสามารถอยู่กันได้อย่างมีความสุข โดยที่เขาไม่ต้องการสิ่งอำนวยความสะดวกเลย เป็นประเทศที่ไปเห็นแล้วเราจะตกใจว่า ประชาชนยังแต่งชุดประจำชาติในชีวิตประจำวัน ทั้งทำงาน ไปเที่ยว เหมือนเขาถูกปลูกฝังให้รู้จักความพอเพียงค่ะ คุณพลอย : พลอยชอบชุดพื้นเมืองของเขาเหมือนกันค่ะ แล้วตอนที่ไปพวกเราทุกคนก็มีโอกาสได้ใส่ด้วย พลอยรู้สึกว่าเขาใส่ชุดพื้นเมืองเป็นเรื่องปกติใส่ไป Tiger’s Nest  ใส่ทำงาน ใส่ทานข้าวเย็น ใส่ได้ทุกโอกาสเลย เพียงแค่เปลี่ยนรองเท้าเท่านั้น แล้วคนภูฏานเขาน่ารักมาก ยิ้มแย้ม ไม่เสียงดัง มีอยู่วันนึงพลอยใส่ชุดพื้นเมืองไปเที่ยว แล้วบังเอิญหลุดก็เลยขอความช่วยเหลือจากคนที่นั่น เขาเต็มใจเข้ามาช่วยเราอย่างดี ก็เป็นอีกเรื่องนึงที่ทำให้ประทับใจค่ะ

Putan_7

คุณลูกตาล : ประเทศภูฏาน ทำให้ลูกตาลรู้สึกว่าในชีวิตเราไม่น่าจะต้องการอะไรมากไปกว่านี้อีกแล้ว คุณกุ๊กกุ๊ก : ยกตัวอย่าง กุ๊กเป็นคาทอลิก สิ่งที่ได้เรียนรู้ก็คือเรื่องศาสนาเขาลึกซึ้งมาก ทุกอย่างล้วนมีความหมาย คือทริปนี้เราได้เรียนรู้ทุกอย่างตลอดทริปเลยค่ะ

Putan_8  

หลังจากได้ฟังทั้ง 5 ท่านเล่าจบ ทำเอาผู้ฟังอย่างเราอยากจะกลับบ้านไปเก็บกระเป๋า แล้วจองตั๋วเดินทางไปยังภูฏานในทันที ...

SHARE