“ผมโชคดีที่ได้รับการสนับสนุนจากทุกคนรอบด้าน จึงทำให้มีกำลังใจ ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ผมขับเคลื่อนไปสู่ความสำเร็จอย่างมีสติ ด้วยความขยันหมั่นเพียร และพร้อมที่จะสู้ กับการทำงานหนัก เพื่อปรับตัวได้เร็วต่อสภาวะใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น ความเร็วจึงสำคัญมาก”
บทสรุปทัศนคติอันกล้าแกร่งของ คุณแพน-พันธุ์ไพบูลย์ ลีนุตพงษ์ กรรมการผู้จัดการ แฟลช คอฟฟี่ ประเทศไทย ที่สามารถปรับเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาสในสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 กับการจัดการประสบการณ์ใหม่ที่ผลักดันให้คุณแพนประสบความสำเร็จอย่างคาดไม่ถึง
“ผมเริ่มชีวิตการทำงานในสายการเงินการธนาคารที่ J.P. Morgan หลังจากนั้นผมได้มาทำงานในกิจการของครอบครัวซึ่งคือบริษัทไทยยานยนตร์ที่เป็น Official Conversion Manufacturer ของ Volkswagen Caravelle ในประเทศไทยครับ ในช่วงนั้นพวกเราภูมิใจมากเพราะกำลังฉลอง 69 ปี ไทยยานยนตร์พอดี ถึงแม้จะเป็นบริษัทที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกับวงการรถยนต์ของเมืองไทยแต่คุณพ่อ (คุณวิทิต ลีนุตพงษ์) ก็มีนวัตกรรมใหม่ๆ ออกมาเรื่อยๆ อย่างเช่น ในช่วงของสถานการณ์ Covid-19 ก็มีเครื่องฟอกอากาศภายในรถยนต์ที่ได้มาตรฐานเดียวกับที่ใช้กันในโรงพยาบาล”
“จากธุรกิจครอบครับสู่วงการ Startup ที่มีชื่อว่า Flash Coffee (แฟลช คอฟฟี่) ผมตื่นเต้นและสนุกมากครับ เพราะผมเริ่มมาลุยและทุ่มเทมากกับแฟลช คอฟฟี่ ตั้งแต่ยังไม่มีบริษัทในประเทศไทย ก็เรียกได้ว่าแทบจะเริ่มจากศูนย์ ซึ่งสำหรับผมเองนั้น หนึ่งในแรงบันดาลใจที่ถูกปลูกฝังมาตั้งแต่สมัยเด็กก็คือวงการอาหารและเครื่องดื่ม แต่ไม่ได้เป็นอะไรที่แปลกใหม่นักเพราะตั้งแต่โตมาครอบครัวผมก็ให้ความสนใจในธุรกิจด้านนี้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นคุณแม่ (คุณศุลีรัตน์ ลีนุตพงษ์) ซึ่งเป็นหนึ่งใน 12 หุ้นส่วนผู้ก่อตั้ง Greyhound Cafe หรือพี่สาว (คุณเพชรไพลิน ลีนุตพงษ์) ซึ่งเป็นพาร์ทเนอร์อยู่ในเครือร้านอาหารสุพรรณิการ์”
“จุดเริ่มต้น แฟลช คอฟฟี่ เริ่มมาจากความบังเอิญ ตอนนั้นผมเดินทางอยู่ในประเทศคอสตาริกาและกำลังสำรวจไร่กาแฟอยู่พอดี ซึ่งได้รับโอกาสจากผู้ก่อตั้งของแฟลช คอฟฟี่ ทั้งสองท่านคือ Mr.David Brunier และ Mr.Sebastian Hannecker ที่มาบริหารกิจการในประเทศไทย โดย แฟลช คอฟฟี่ ได้รับการลงทุน Seed Funding จาก Rocket Internet SE ซึ่งปั้นสำเร็จมาแล้วหลายสตาร์ทอัพในแถบเอเชีย ไม่ว่าจะเป็น foodpanda, Lazada หรือ Zalora ก็ตาม ทำให้ผมมุ่งหวังว่าจะเป็นหนึ่งในเชนร้านกาแฟชั้นนำในเอเชียโดยการนำเสนอเมนูที่คว้าแชมป์พร้อมกับราคาที่เข้าถึงได้ รวมถึงมีการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย ซึ่งนอกจากในกรุงเทพฯ Flash Coffee (แฟลช คอฟฟี่) ยังมีกิจการอยู่ที่ Singapore และ Jakarta พร้อมทั้งยังมีแผนการขยายไปสู่หัวเมืองหลักอีกมากมายในแถบเอเชีย และความใฝ่ฝันที่ว่าหากเอาผังเมืองออกมากางจะเห็นว่ามีร้านกาแฟแฟลช คอฟฟี่อยู่ทุกๆ 500 เมตร ไม่ว่าจะเดินไปทางด้านไหนก็ตามครับ”
“โดยความโดดเด่นของพวกเรามีอยู่สามอย่างหลักๆ อย่างแรกคือราคาที่เข้าถึงได้โดยกาแฟอเมริกาโน่เริ่มต้นที่แก้วละ 40 บาท ราคาเฉลี่ยของเราจะต่ำกว่าแบรนด์ระดับพรีเมียมที่ติดตลาด 60% อย่างที่สองคือเรื่องคุณภาพจากเมล็ดกาแฟซึ่งเรียกได้ว่าเป็นกาแฟพิเศษ (Specialty-Grade) ที่คัดสรรมาจากทางเหนือของเมืองไทย และมากกว่านั้นคือเมนูของเราถูกรังสรรค์โดย คุณต๋อง อานนท์ ธิติประเสริฐ แชมป์ลาเต้อาร์ทระดับโลก เจ้าของร้าน Ristr8to ที่ตั้งอยู่เชียงใหม่ และ RobbyFirlian แชมป์ลาเต้อาร์ทอินโดนีเซีย โดยมีเมนูซิกเนเจอร์ที่หลากหลาย เช่น Palm Sugar Latte, Avocado Latte และ Nutella Shake และจุดเด่นหลักๆ สุดท้ายคือการมีแบรนด์ที่น่าจดจำ (Memorable Brand) สีเหลืองของเราที่มอบความรู้สึกสดใสและสะดุดสายตา ซึ่งอีกหนึ่งความภูมิใจสำหรับผมคือในทุกเช้าตอนผมเดินมาทำงาน ผมจะเห็นลูกค้าถือถุงสีเหลืองของแฟลช คอฟฟี่ ที่เสมือนเป็นป้ายโฆษณาเคลื่อนที่ (Moving Billboard) ของเราก็ว่าได้
แต่สิ่งสำคัญนอกเหนือจากทั้งสามประการข้างต้น คือการใช้เทคโนโลยีมาขับเคลื่อนไม่ว่าจะเป็นในด้านการปฏิบัติการ (Operations) หรือในฝั่งที่ลูกค้าสัมผัสได้อย่างเต็มรูปแบบ ที่เรากำลังจะเปิดตัวแอพพลิเคชั่นของตัวเองในเร็วๆ นี้ครับ”
จากสถานการณ์ของโควิด-19 ที่เกิดขึ้นคุณและธุรกิจของคุณได้รับผลกระทบอะไรบ้าง
“ในช่วงต้นปี 2020 เพราะความไม่รู้ว่าจะมีวิกฤต Covid-19 เกิดขึ้น พวกเราได้เตรียมร้านแรกในประเทศไทยเพื่อเปิดในเดือนมีนาคม ด้วยจังหวะเวลาที่ไม่ได้คาดคิด ทางรัฐบาลประกาศว่าร้านในบริเวณนั้นไม่สามารถเปิดได้ กระทั่งต้องรอถึงในเดือนพฤษภาคม และยังมีผลกระทบอื่นๆ อย่างการก่อสร้างที่ล่าช้าที่ทางผมต้องเผชิญ เนื่องจากเป็นช่วงคาบเกี่ยวระหว่างการล็อคดาวน์ แต่ยังโชคดีที่ทางเจ้าของผู้ให้เช่าพื้นที่ (Landlord) ให้ความเมตตาและเข้าใจกับพวกเรา จึงอนุญาติให้เลื่อนวันเปิดออกไปได้ ซึ่งพอได้เปิดจริงก็ตรงกับช่วงเวลาที่ผู้คนเริ่มกลับมาเดินห้างสรรพสินค้าและกลับมาทำงานในออฟฟิศ ซึ่งเราก็สามารถเปิดร้านได้โดยทำกำไรตั้งแต่วันแรกอย่างคาดไม่ถึง เพราะแฟลช คอฟฟี่ นอกจากเครื่องดื่มที่มีจำหน่ายในร้านแล้ว ยังมีทาร์ตเลม่อนที่เป็นเมนูที่ได้รับความนิยมอย่างมากจากลูกค้าตั้งแต่ตอนนั้น และยังโชคดีที่ได้รับโอกาสจากสื่อชั้นนำต่างๆ ช่วยโปรโมทแบรนด์โดยลงโพสต์ในอินสตาแกรมติดต่อกันเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ นอกจากนี้ก็ได้รับซัพพอร์ทจาก Influencer ในการสร้างไฮพ์ (Hype) ของช่วงแรกในการเปิดตัวในเมืองไทย และเรายังสามารถเปิดร้านเพิ่มได้อีกมากกว่า 30 สาขา ภายในครึ่งปีครับ”
เมื่อเกิดปัญหาขึ้นคุณมีการปรับกลยุทธ์ขององค์กรอย่างไรบ้าง รวมไปถึงการบริหารคนในองค์กร และการปรับตัวรับการใช้ชีวิตรูปแบบใหม่
“แม้ว่ารูปแบบร้านแฟลช คอฟฟี่ จะมีอยู่หลากหลายและรวมไปถึงร้านในสาขาที่มีที่นั่ง แต่ทางเราจะเน้นร้าน Grab & Go เป็นหลักตั้งแต่แรกเพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมแบบใหม่ของผู้คนที่นั่งทานในร้านน้อยลง และการรับกลับ หรือสั่งผ่าน Delivery มากขึ้น ซึ่งอย่างการขยายสาขาที่มีการเริ่มตั้งแต่แรกนั้นอยู่ในช่วงสถานการณ์โควิดพอดี จึงได้มีโอกาสเลือกเฉพาะพื้นที่ ที่มีขนาดเหมาะสมมากที่สุด
“ในส่วนทางด้านผู้ก่อตั้งทั้งสอง Mr.David Brunier และ Mr.Sebastian Hannecker นั้นยังให้ความสำคัญอย่างมากต่อการสร้างทีมที่แข็งแกร่ง เพราะฉะนั้นจึงไม่มีการปลดหรือลดคนจากการแพร่ระบาดของโรค Covid-19 แต่อย่างใด และกลายเป็นว่าตอนนี้พวกเรากลับเน้นการสร้างและจ้างงานเพิ่มขึ้น และทีมของพวกเราก็ได้เติบโตขึ้นมาแล้วกว่า 40 เท่า
ในช่วง Covid-19 นี้ แม้จะเริ่มจากทีมเล็กแต่ด้วยศักยภาพที่มีจากทุกคนที่ตั้งใจสร้างร้านสร้างแบรนด์แฟลช คอฟฟี่ เพื่อให้สามารถเป็นที่รู้จักและได้การยอมรับในพื้นที่กรุงเทพฯ”
สิ่งที่คุณคิดว่าได้รับจากวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้น คุณคิดว่าคุณได้เรียนรู้อะไรบ้าง
“ด้วยความที่ทั้งทีมอยู่ในช่วงของกำลังการเติบโตและมีความแข็งแกร่ง รวมถึงการมีวิสัยทัศน์ที่ได้ซึมซับและใกล้ชิดจากผู้ก่อตั้ง ผมเชื่อว่าทั้งตัวผม ทีมงาน ร้านแฟลช คอฟฟี่ จะสามารถทำภารกิจที่มุ่งหวังไว้ได้สำเร็จ ที่สำคัญหากได้รับผลตอบรับจากลูกค้าที่เชื่อมั่นในศักยภาพของแบรนด์จากการมารอคิวหน้าร้าน หรือแม้แต่สั่งผ่านช่องทางออนไลน์ทุกๆ วัน รวมถึงเจ้าของพื้นที่ และสื่อต่างๆ ที่ให้การสนับสนุน ครอบครัว เพื่อนๆ ที่ทำให้มีกำลังใจเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ผมขับเคลื่อนไปสู่ความสำเร็จได้”
ข้อคิดที่คุณยึดถือการก้าวผ่านอุปสรรคปัญหาต่างๆ ในชีวิต
“จากประสบการณ์ในปีที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่าไม่มีทางลัดใดจะฝ่าวิกฤตได้ นอกจากมีสติ ขยันหมั่นเพียร และพร้อมที่จะสู้ เพราะแน่นอนว่าการทำงานหนักต้องทำให้สามารถปรับตัวได้เร็วต่อสภาวะใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น ความเร็วจึงสำคัญมากครับ ในยุคนี้จึงต้องเป็นเจ้าแรกที่สามารถคว้าโอกาสที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์ Covid-19 ไม่ว่าจะเป็นการหาพื้นที่เปิดร้านหรือการมองหาคนร่วมทีม และที่ขาดไม่ได้คือการที่ทุกๆ คน เชื่อมั่น ที่ไม่ใช่เพียงความเชื่อมั่นส่วนตัวเท่านั้นแต่ต้องเป็นความเชื่อของทุกคนในทีมร่วมกันว่าพวกเราทุกคนกำลังทำภารกิจที่ก่อให้เกิดสิ่งที่น่าชมเชยและเป็นประกายในอนาคต ซึ่งสำหรับแฟลช คอฟฟี่ นั้นคือการที่พวกเราสามารถทำสิ่งที่ผู้ก่อตั้งมุ่งหวังไว้ให้เกิดขึ้นจริง โดยการ Empower ลูกค้า พันธมิตรและทีมเพื่อให้สามารถสานฝันของทุกๆ คนให้เป็นจริงได้ครับ”
Photo By : Prayuth
Author By : K_WONDROUS