ตัวเลข 96% คือพื้นที่ของอียิปต์ที่เป็นทะเลทราย หากไม่มีแม่น้ำไนล์หล่อเลี้ยง อารยธรรมอันยิ่งใหญ่ของอียิปต์ย่อมไม่ถือกำเนิดขึ้นมาได้ สมแล้วที่นักประวัติศาสตร์ชาวกรีก เฮโรโดตัส (Herodotus) ได้กล่าวไว้ว่า อียิปต์เป็นของขวัญจากแม่น้ำไนล์ ‘Egypt is the gift of the nile’
ต้นกำเนิดของแม่น้ำไนล์ เริ่มที่ประเทศบุรันดี ประมาณว่าช่วงกลางๆ ของทวีปแอฟริกานั่นเอง ก่อนจะไหลมาบรรจบกันที่ซูดาน ไหลผ่านทะเลทรายนูเบียน (Nubian Desert) ก่อนที่จะเข้าประเทศอียิปต์
วัดจากต้นน้ำจนกระทั่งออกสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่ปากแม่น้ำไนล์ มีความยาวทั้งสิ้น 6,632 กิโลเมตร ตำแหน่งแม่น้ำยาวที่สุดในโลก จึงถูกไนล์ครองแบบไม่มีคู่แข่ง คิดดูสิ เอาปิง วัง ยม น่านรวมกันแถมเจ้าพระยาพ่วงให้อีกสาย ยังยาวไม่ถึงครึ่งของไนล์เลย แบบนี้ต้องเรียกสาละวินและโขงมาร่วมสมทบด้วยถึงจะสู้ได้
แต่แม่น้ำไนล์ที่ยาวกว่า 6,000 กิโลเมตรเป็นแม่น้ำที่แปลกที่สุดในโลก ไหลจากทิศใต้ไปสู่ทิศเหนือชาวอียิปต์จึงเรียกพื้นที่ทางทิศใต้ว่า อียิปต์ตอนบน และเรียกพื้นทางทิศเหนือว่า อียิปต์ตอนล่าง
ใครๆ ก็บอก อัสวานเป็นจุดเริ่มต้นดีที่สุดของการล่องแม่น้ำไนล์ ยิ่งถ้าได้ล่องเรือเฟลุกก้าในอียิปต์ด้วยแล้วถือว่าเป็นทริปที่สมบูรณ์แบบมาก เวลาทองของการล่องเฟลุกก้า ถ้าไม่ใช่ก่อน 10 โมงเช้า ก็ต้องเป็นหลังบ่าย 3 ไปเลย
เอาเป็นว่าถ้าใครชอบความสะดวกสบาย นอกจากล่องเฟลุกก้าแล้ว ยังสามารถนั่งๆ นอนๆเอกเขนกบนเรือสำราญลำโตที่ลอยอยู่เกลื่อนผืนน้ำได้
ที่อัสวานมีเรือสำราญหลายยี่ห้อพาล่องแม่น้ำไนล์ท่ามกลางความหรูหราฟู่ฟ่า ปรนเปรอตัวเองด้วยความสะดวกสบาย
แต่ถ้าอยากดื่มด่ำความคลาสสิค ล่องเฟลุกก้าจะเหมาะกว่า นี่คือเรือใบโบราณเสาเดี่ยวในแบบอียิปต์โดยแท้ อาจจะดูเรียบง่าย แต่เฟลุกก้าจะพาทุกคนไปคลุกคลีกับไนล์อย่างสนิทสนม
คนอียิปต์ใช้เฟลุกก้าล่องแม่น้ำไนล์มาแต่ไหนแต่ไรไม่มีเครื่องยนต์ จึงไม่มีเสียงเบิ้ลเครื่องเรือมาให้ระคายแก้วหู และไม่มีกลิ่นน้ำมันมารบกวนจมูกการเดินทางกับเฟลุกก้าขึ้นอยู่กับกระแสน้ำและกระแสลม แต่ไม่ว่าจะล่องทวนน้ำหรือตามน้ำคนที่คอยบังคับหางเสือเรือจะต้องคอยบังคับเรืออยู่ตลอดตรงท้ายเรือ
เฟลุกก้าจะแล่นสลับไปมาแบบซิกแซก ไปตามความกว้างของน้ำ เช่นว่าจะมุ่งไปยังเกาะใหญ่ข้างหน้า จะไม่บังคับเรือให้ตรงดิ่งพุ่งไปยังเป้าหมาย แต่จะซิกแซกไปมา คนที่สัญจรโดยเฟลุกก้าจึงไม่เหมาะกับพวกเร่งรีบ แต่ต้องพร้อมจะเอ้อระเหยกินลมชมวิวไปเรื่อย
หากมีการวัดดัชนีความโรแมนซ์ของการเดินทางตามมุมต่างๆ บนแผ่นดินไอยคุปต์ หลายคนจึงยกให้ช็อตที่ล่องเฟลุกก้าในแม่น้ำไนล์นี่แหละโรแมนติกที่สุดแล้ว
แดดนุ่ม ทาบทาผืนน้ำ ลมโชยอย่างแผ่วเบายิ่งถ้าเกี่ยวก้อยคู่รักมามองสายน้ำแห่งอารยธรรมด้วยกัน ปีนั้นคุณแทบไม่ต้องมองหาของขวัญมีค่าชิ้นไหนอีกแล้ว สำหรับคู่ฮันนีมูนการล่องแม่น้ำไนล์ จึงเหมาะมากถึงมากที่สุด
ถือว่าเป็นของขวัญวันแต่งงานที่ดีที่สุดยามแดดจัดไนล์กลายเป็นแม่น้ำสีทอง ยามแสงจางไนล์สงบเย็น ริ้วสีน้ำเงินเข้มของไนล์ สะกดให้เพ่งมองก้นบึ้งของแม่น้ำสายอารยธรรม
ระหว่างล่องแม่น้ำไนล์ ก็จะเจอกับเกาะคิชเชนเนอร์(Kitchener’s Island) สำหรับคนที่ชื่นชอบสวนสวยเกาะคิชเชนเนอร์ไม่มีห้องครัวหรือพ่อครัวไว้ให้ดูมีแต่สวนพฤกศาตร์ หรือ Botanical Garden ตั้งอยู่ให้คุณได้ชมพันธ์ไม้กว่า 800 ชนิด
ต้องยกความดีความชอบให้คนที่ชื่อ ลอร์ด ฮอราชิโอ คิชเชนเนอร์ ที่ได้เปลี่ยนแปลงจากไร่ผัก มาเป็นสวนพฤกษชาติ โดยนำต้นไม้หายากในทวีปแอฟริกามาปลูกจนเต็มเกาะ ไม่เหลือร่องรอยความแห้งแล้ง
ให้เห็น
อีกฝั่งหนึ่งของเกาะคิชเชนเนอร์ เป็นสุสานของประมุขของศาสนาอิสลามผู้ล่วงลับไปแล้วอย่าง อากา ข่าน (Agha Khan Mausoleum )
นอกจากเกาะพ่อครัว ระหว่างล่องเฟลุกก้ายังผ่านเกาะช้าง (Elephantine Island) ด้วย อันนี้ช้างแห่งลุ่มน้ำไนล์ไม่ใช่ช้างแห่งอ่าวไทย
เกาะช้างใหญ่สมตัว ในบรรดาเกาะแก่งตลอดสายน้ำไนล์กว่า 6,000 กิโลเมตร เกาะช้างแห่งนี้นี่เอง ใหญ่ที่สุดในแม่น้ำไนล์
เดิมทีชาวอียิปต์โบราณเรียกว่า เกาะเยบู (Yebu) ซึ่งเป็นภาษานูเบียน แปลว่าช้าง แต่เท่าที่สังเกตุดูหินบริเวณริมน้ำ ถูกน้ำกัดเซาะจนกลายเป็นรูปช้างเพิ่งมาเปลี่ยนชื่อเป็น Elephantine ตอนที่กรีกเข้าครอบครอง ทุกวันนี้บนเกาะมีพิพิธภัณฑ์แห่งนูเบียนและหมู่บ้านชาวนูเบียนที่ตั้งถิ่นฐานอยู่บนเกาะช้าง
อัสวานมีพวกนูเบียนอาศัยอยู่เยอะสุด แต่ถ้านับทั่วอียิปต์ก็หลายแสนคนทีเดียว คนพวกนี้ผิวสีคล้ำ คล้ายๆ กับพวกแอฟริกานั่นเอง ทั้งหลายทั้งปวงเป็นเพราะอัสวานเป็นเมืองที่เป็นประตูสู่แอฟริกา และเคยเป็นเมืองหลวงแห่งแรกของอียิปต์บน จึงเป็นฐานกำลังทางทหารในการขยายอำนาจไปสู่ซูดาน นูเบีย และเอธิโอเปีย
มากกว่าสีสันสดใส บ้านของชาวนูเบียนยังแฝงไว้ด้วยความเรียบง่าย น่าอยู่ ผู้คนชาวนูเบียนอาจจะยิ้มยาก แต่พวกเขาก็ไม่ได้มีท่าทีรังเกียจคนแปลกหน้าแต่ไม่ว่าจะเป็นชาวนูเบียน หรือลูกหลานชาวอียิปต์ ทุกชีวิตถูกหล่อเลี้ยงด้วยแม่น้ำไนล์
นอกจากเรื่องราวของลุ่มน้ำแห่งอารยธรรมอย่างไนล์แล้ว อียิปต์ยังมีเรื่องของทวยเทพที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เพราะอียิปต์มีเทพเจ้าหลายองค์ บางองค์มาจากธรรมชาติ เช่น เทพเจ้ารา หรือ เทพแห่งดวงพระอาทิตย์ เป็นเทพสูงสุด ตามความเชื่อคือเทพราเป็นผู้เนรมิตคนคู่แรกขึ้นมา เทพเจ้าโธธ หรือเทพแห่งดวงจันทร์ เทพเจ้านูนซึ่งเป็นเทพแห่งท้องฟ้า เทพเจ้าเก๊บ ผู้ยิ่งใหญ่แห่งพื้นพิภพ
ขณะที่เทพเจ้าบางองค์เป็นตัวแทนของแนวความคิดต่างๆ เช่น เทพเจ้าแห่งความจริง เทพเจ้าแห่งความยุติธรรม เทพเจ้าแห่งการเรียนรู้และสติปัญญาหรือแม้แต่เทพเจ้าสารพัดช่างก็มี
ฟังแล้ว พูดเลยว่าคงไม่มีอารยธรรมโบราณใดในโลก ที่ผูกพันกับความเชื่อเรื่องเทพเจ้าได้หลากหลายเท่ากับชาวอียิปต์อีกแล้ว
Story & Photo By กาญจนา หงษ์ทอง