counters
hisoparty

เขาสก-อุทยานธรรมฯ 2 มุมสงบงามในสุราษฎร์ธานี

1 year ago

ถ้าเทียบกับภูเก็ต และกระบี่ สุราษฎร์ธานีดูเหมือนจะเป็นจังหวัดที่นักท่องเที่ยวจะนึกถึงเป็นลำดับหลังๆ ทั้งที่จริงแล้วสุราษฎร์ฯ เองมีดีแบบที่หลายคนอาจนึกไม่ถึง มีทั้งธรรมชาติที่ผุดผ่อง ป่าที่สมบูรณ์มาก รวมถึงวิถีชีวิตชาวบ้านที่น่าดู

          มุมแรกที่จะทำให้ทุกคนร้องว้าวให้กับสุราษฎร์ฯ คือ อุทยานแห่งชาติเขาสก ที่นี่คือป่าฝนผืนใหญ่ที่สุดในภาคใต้ และเป็นอุทยานแห่งชาติที่มีความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติทั้งป่าเขาและแหล่งน้ำ ภาพภูเขาหินปูนสลับซับซ้อนยอดแหลมระเกะระกะ ท่ามกลางผืนน้ำคือเครื่องหมายการค้าของเขาสก บางวันมีสายหมอกลอยอ้อยอิ่งอยู่บนยอดเขานี่คือเสน่ห์ของเขาสกที่ใครดั้นด้นเข้ามาถึงที่นี่ มักตกหลุมรักสิ่งที่ธรรมชาติหยิบยื่นให้กันทุกคน 

          สำหรับคนที่จะมาที่นี่ มาถึงก็จะนั่งเรือเพื่อเข้าไปพักผ่อนในเขื่อนเชี่ยวหลานหรือเขื่อนรัชชประภา ไฮไลท์ก็อยู่ที่ตอนนั่งเรือนี่เอง ที่จะได้ชมเขาหินปูนสูงๆ สวยๆ แต่จุดที่เรือจะจอดคือ ‘เขาสามเกลอ’ เขาหินปูนสามลูกที่ตั้งเรียงรายอยู่กลางน้ำ เรือทุกลำจะจอดแวะให้ถ่ายรูป

          ในบริเวณอุทยานยังมีจุดชมวิวหลายจุด เช่นที่จุดชมวิวเขาสก ถ้าดินฟ้าอากาศเป็นใจก็จะสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของภูเขานางพันธุรัตน์ ที่ทอดตัวในแนวเหนือ-ใต้ได้อย่างสวยงาม ยังมีจุดชมวิวเขาคมดาบ จุดชมวิวที่จะได้ชมทัศนียภาพทะเลสาบเหนือเขื่อนรัชชประภาจากมุมสูง นอกจากนี้ยังมีจุดชมวิวไกรสร ที่อาจออกต้องออกแรงเดินเท้าสักหน่อย แต่จะเป็นมุมที่เห็นทัศนียภาพของอ่างเก็บน้ำเขื่อนรัชชประภาและผืนป่าของอุทยานแห่งชาติเขาสกได้อย่างแจ่มชัด เรียกว่าใครมาสายไฮกิ้ง สายแอดเวนเจอร์ ชอบผจญภัย น่าจะชอบการเดินเท้าไปตามจุดต่างๆ

          ยังมีอีกมุมที่ถือว่าเป็นหนึ่งในไฮไลท์ คือการนั่งเรือแล้วไปเดินป่า จากนั้นล่องแพไปถ้ำปะการัง นี่คือจุดที่สวยมาก ตัวถ้ำอยู่ในเขตของเขื่อนด้านใน นั่นเป็นเหตุผลให้ต้องเดินเท้าแล้วไปนั่งแพไม้ไผ่ต่อไปอีก แต่ก็นั่งไม่ไกลมาก แพจะจอดถึงหน้าถ้ำ จากนั้นค่อยเดินขึ้นเนินเขาเข้าไปภายในถ้ำ ซึ่งด้านในมีหินงอกหินย้อยที่งดงามอลังการมาก หินงอกหินย้อยที่ถ้ำปะการังจะมีลักษณะแปลกตา คล้ายปะการังในทะเล นั่นก็เพราะถ้ำนี้เคยอยู่ใต้ทะเลมาก่อน เลยมีหินงอกหินย้อยรูปทรงต่างๆ ที่เหมือนปะการังใต้ทะเล

          นอกจากนี้ ยังมีถ้ำน้ำทะลุ ที่ใครจะไปที่นี่จะต้องลุยพอสมควร และต้องมีไกด์นำทางไปด้วย ข้อสำคัญจะต้องเป็นคนลุยพอสมควร แต่ละปีจะมีช่วงที่เปิดให้ชมถ้ำได้ ควรเที่ยวช่วงที่น้ำลดหรือหมดฤดูฝนนั่นเอง เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำหลากเข้ามาในถ้ำตอนฝนตก

          ที่จริงยังมีกิจกรรมอีกเยอะมาก บางคนก็พายเรือแคนู เรือคายัค หรือบางคนก็ขี่ช้างท่องป่า อาจจะขโยกเขยกหน่อย แต่พูดเลยว่าทั้งสนุกทั้งผจญภัย หรือใครจะเดินป่าตามหาดอกบัวผุด ซึ่งเป็นดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ก็น่าสนุกอีกเช่นกัน บัวผุดเป็นพืชที่บานเพียงครั้งเดียว จะบานอยู่ได้เพียง 4-5 วันเท่านั้น ไม่น่าเชื่อว่าบัวผุดถูกค้นพบเพียงไม่กี่แห่งในโลก หนึ่งในนั้นคือที่ประเทศไทย การจะเดินเท้าไปชมดอกบัวผุดต้องมีเจ้าหน้าที่อุทยานนำทาง ใครอยากไปชมบัวผุดต้องไปในช่วงเดือนพฤศจิกายน-เมษายน

          ทำสารพัดกิจกรรมกันเสร็จแล้ว นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะมักเพลิดเพลินไปกับถ่ายรูปวิวทิวทัศน์จากแพที่พักเลย ซึ่งตอนนี้ในเขื่อนมีแพให้บริการหลายแห่งมาก ที่พักส่วนใหญ่สร้างเป็นกระท่อมไม้ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสบรรยากาศธรรมชาติอย่างแท้จริง โดยจะปลูกท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เป็นป่า กลางคืนใครจะนอนเอกเขนกดูดาว ก็ถือว่าเหมาะมาก เพราะภานในเขื่อนจะค่อนข้างมืด จนเห็นดาวได้เต็มท้องฟ้า

          ใครจะไปเที่ยวเขาสกก็สามารถเดินทางไปได้ตลอดทั้งปี แต่ละฤดูกาลก็จะมีความสวยงามแตกต่างกันไป 

          นั่งเรือออกจากเขาสกแล้ว ขอแนะนำให้ไปสถานที่อีกแห่งหนึ่งของสุราษณ์ธานี ที่นี่คืออุทยานธรรมเขานาในหลวง มุมที่ทั้งสงบทั้งงดงาม แท้จริงแล้วอุทยานธรรมเขานาในหลวงเป็นสำนักสงฆ์ที่สร้างขึ้นด้วยพลังศรัทธาของชาวบ้าน มีไว้สำหรับผู้ที่มาวิปัสสนากรรมฐาน เพราะที่นี่เต็มไปด้วยความสงบร่มเย็นจึงเหมาะแก่การปฏิบัติธรรม

          แต่ทุกวันนี้ นักเดินทางส่วนใหญ่ตื่นกันแต่เช้า มุ่งหน้ามาที่นี่เพื่อถ่ายรูปกับแสงสวยๆ อุ่นๆ ในช่วงพระอาทิตย์ขึ้น ตรงบริเวณซุ้มประตูทางเข้าสำนักสงฆ์ ซึ่งมุมนี้เป็นซุ้มเจดีย์แบบโบราณ 9 ยอด มีชื่อว่าซุ้มพุทธวดี โมงยามที่ดีที่สุดคือช่วงที่แสงแดดสาดส่องลงมายังซุ้มประตู เป็นภาพอัศจรรย์ที่ตากล้องทุกคนลั่นชัตเตอร์กันเป็นระวิง และเมื่อเดินขึ้นเป็นด้านบนยังสามารถชมวิวทะเลหมอกๆ ที่ลอยละล่องคลอเคลียทิวเขา เห็นแล้วแทบไม่น่าเชื่อว่านี่คือภาคใต้ของไทย

          บนยอดเขาหินปูนมีรอยพระพุทธบาทปรากฏอยู่ และยังมีการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุเอาไว้ จึงมีผู้คนที่ขึ้นเขามาเพื่อกราบไหว้สักการะขอพร เพื่อความเป็นสิริมงคล 

          สำหรับความเป็นมาของอุทยานธรรมเขานาในหลวง เริ่มขึ้นเมื่อปี 2541 โดยมีพระอาจารย์สมพงศ์ วชิรปัญโญ เป็นผู้ก่อตั้งและเป็นเจ้าอาวาสในปัจจุบัน ต่อมามีการสร้างเจดีย์องค์ที่ 1 ชื่อว่า ‘เจดีย์ร้อยยอดพระธาตุพันองค์’ โดยบนยอดเจดีย์องค์ใหญ่จะมียอดเจดีย์องค์เล็กๆ ประมาณ 100 ยอด และในทั้ง 100 ยอด จะมีพระบรมพระธาตุบรรจุอยู่ยอดละ 10 องค์ และมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ใจกลางพระเจดีย์องค์เล็กของแต่ละองค์ เจดีย์องค์ที่ 2 ชื่อว่า ‘พุทธศิลาวดี’ มีพระพุทธรูป 4 ทิศ เจดีย์องค์ที่ 3 ชื่อว่า ‘พุทธราชาวดี’ เจดีย์องค์นี้สร้างขึ้นเพื่อถวายรัชกาลที่ 9 เจดีย์องค์ที่ 4 ชื่อว่า ‘พุทธนครกลางหาว’ มีรอยพระพุทธบาทอยู่ใจกลางเจดีย์ มีเจดีย์รายรอบอีกประมาณ 40-50 องค์ เป็นเจดีย์องค์เล็กๆ เจดีย์องค์ที่ 5 ชื่อว่า ‘พุทธสหัสสวดี’ หรือพุทธพันองค์ เจดีย์องค์ที่ 6 ชื่อว่า ‘พุทธธาราวดี’ เป็นเจดีย์องค์ที่สูงที่สุด เส้นทางเดินของแต่ละเจดีย์จะแตกต่างกันออกไป มีทั้งทางเดินที่เป็นขั้นบันได ทางเดินปูน และเส้นทางธรรมชาติที่ผ่านผืนป่าที่สดชื่นและสวยงาม

          และนี่คือ 2 มุมสงบงามของสุราษฎร์ธานี ที่ทำให้จังหวัดนี้กลายเป็นจังหวัดที่ไม่ธรรมดาในสายตานักเดินทาง 

Author By : กาญจนา หงษ์ทอง

SHARE