ปัญหาเกี่ยวกับจุดซ่อนเร้นบ่อยครั้งมักถูกมองข้าม และละเลย ซึ่งอาจเป็นเนื่องจากความเข้าใจไม่ถูกต้องที่ว่าปัญหาดังกล่าวไม่สามารถแก้ไขได้ หรือถ้าแก้ไขได้ก็ทำได้น้อยมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเรื่องการขาดความกระชับของช่องคลอด (Vaginal Relaxation)โดยส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าเป็นความเสื่อมตามธรรมชาติที่เป็นผลจากการคลอดบุตร หรือการเข้าสู่วัยหมดประจำเดือนแก้ไขให้กลับคืนมาได้น้อย อีกทั้งอาจเนื่องด้วยความอายที่จะบอกกล่าว หรือไปพบแพทย์ จากข้อมูลพบว่ามีผู้หญิงเพียง 25 % ของผู้ที่มีปัญหาทั้งหมดเท่านั้นที่ไปปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ ส่วนที่เหลือก็ปล่อยไว้หรือพยายามหาวิธีแก้ไขด้วยตัวเอง
ปัญหาดังกล่าวบางสาเหตุเมื่อปล่อยไว้นานเข้าก็มักจะมีอาการอื่นๆเกิดขึ้นร่วมด้วย เช่น ช่องคลอดแห้ง ปวด หรือแสบขณะมีเพศสัมพันธ์มีปัญหาเรื่องปัสสาวะเล็ด หรือกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ เป็นต้น ซึ่งมักจะส่งผลต่อการใช้ชีวิตคู่ และ ทำให้คุณภาพชีวิตโดยรวมแย่ลงได้ โดยความเป็นจริงแล้วปัญหาเหล่านี้สามารถชะลอ หรือแก้ไขได้ ทั้งนี้ต้องเข้าใจถึงสาเหตุ และให้การรักษาที่ถูกต้องเหมาะสมตามสาเหตุ และระดับความรุนแรงของปัญหานั้นๆ
อาการของจุดซ่อนเร้นที่ไม่กระชับที่พบบ่อย คือ การรู้สึกว่ามีลมออกทางช่องคลอด
ขณะมีเพศสัมพันธ์หรือ ขณะออกกำลังกายในบางท่า เช่น การเล่นโยคะในท่าผาดโผนการปั่นจักรยานกลางอากาศ โดยบ่อยครั้งขณะมีเพศสัมพันธ์มักมีเสียงออกมาให้ได้ยินร่วมด้วย ลักษณะคล้ายเสียงผายลม โดยศัพท์ทางการแพทย์เรียกว่า ‘Vaginal Flatulence’ ซึ่งแปลว่าช่องคลอดผายลมนั่นเอง โดยเสียงดังกล่าวจะมีได้บ่อยขึ้นในการมีเพศสัมพันธ์บางท่าเช่น Doggy style เป็นต้น นอกจากนี้ก็อาจมีปัญหาเรื่องความรู้สึกขณะมีเพศสัมพันธ์ที่ลดลง เป็นต้น
สาเหตุของปัญหาจุดซ่อนเร้นไม่กระชับ
ในผู้หญิงอายุน้อย ไม่เคยมีบุตรมาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่เริ่มมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกๆ สาเหตุเกิดจากขณะมีอารมณ์ทางเพศ ช่องคลอดมีการหลั่งสารหล่อลื่นออกมาปริมาณมาก เมื่อมีเพศสัมพันธ์ทำให้เกิดช่องว่าง เมื่ออากาศผ่านเข้าออกก็มีเสียงดังเกิดขึ้น โดยไม่ได้มีปัญหาที่ความกระชับของช่องคลอดแต่อย่างใด ความเข้าใจของทั้งสองฝ่ายเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ทุกอย่างดีขึ้น บางครั้งฝ่ายชายไม่เข้าใจ หัวเราะขำขัน ทำให้
ฝ่ายหญิงขาดความมั่นใจได้
สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้นในผู้หญิงที่ผ่านการคลอดบุตรมาแล้วหรือวัยหมดประจำเดือนมักเกิดจากกล้ามเนื้อภายในช่องคลอด และอุ้งเชิงกรานขาดความแข็งแรง เป็นผลมาจากการยืดที่มากเกินไป หรือมีการฉีกขาดหลังการคลอดบุตร หรือเพศสัมพันธ์ประกอบกับเมื่ออายุที่เพิ่มมากขึ้นระดับฮอร์โมนเพศหญิงชนิดเอสโตรเจน (Estrogen hormone) ที่ลดต่ำลงทำให้การสร้างคอลลาเจนภายในเยื่อบุผิวช่องคลอดลดลง เกิดความ
หย่อนคล้อย ขาดความกระชับ ขาดความชุ่มชื้น เมื่อเป็นมากขึ้นทำให้ช่องคลอดแห้งแสบ กล้ามเนื้อหูรูดที่ควบคุมการปัสสาวะหย่อน ทำให้ปัสสาวะเล็ดตามมาได้
เคล็ดลับกระชับจุดซ่อนเร้น
• การบริหารกล้ามเนื้อช่องคลอด (Kegel Exercises) หรือการฝึกขมิบช่องคลอดเป็นสิ่งสำคัญที่สามารถเริ่มทำด้วยตัวเองได้ และได้ผลดี บางคนไม่เข้าใจว่าทำอย่างไรให้นึกถึงตอนที่เราปัสสาวะแล้วอั้นปัสสาวะไว้ นั่นก็คือการขมิบชองคลอดนั่นเอง หรือขณะอาบน้ำให้ลองสอดนิ้วมือที่สะอาด 1-2 นิ้วเข้าไปในช่องคลอด แล้วลองขมิบช่องคลอดดู จะรู้สึกถึงการบีบรัดของผนังช่องคลอดที่มีต่อนิ้วมือ นั่นถือว่าเป็นการขมิบที่ถูกต้อง (Effective) และที่สำคัญต้องหลีกเลี่ยงการใช้กล้ามเนื้อหน้าท้อง กล้ามเนื้อต้นขา หรือกล้ามเนื้อบั้นท้ายในการช่วยขมิบ จะทำให้กล้ามเนื้อช่องคลอดไม่ได้รับการบริหารซึ่งไม่เกิดประโยชน์ ก่อนการฝึกขมิบทุกครั้งต้องถ่ายปัสสาวะจนหมดก่อนเพื่อป้องกันการติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะ สำหรับผู้เริ่มต้นไม่เคยฝึกบริหารมาก่อนให้ขมิบเป็นช่วงสั้นๆค้างไว้ 5 วินาที และคลาย 5 วินาที่ ทำเป็นเซ็ทเซ็ทละ 20 ครั้ง วันละ 3 เซ็ท เวลาไหนก็ได้ เมื่อเริ่มมีความชำนาญมากขึ้นให้เพิ่มระยะเวลาขมิบค้างไว้เป็น 10 วินาที และคลาย 10 วินาที เซ็ทละ 20 ครั้งวันละ 3 เซ็ท เช่นกัน โดยต้องทำอย่างสม่ำเสมอทุกวันระยะเวลาที่เริ่มเห็นผลช่องคลอดจะมีความฟิตกระชับขึ้นใช้เวลาประมาณ 6-8 สัปดาห์ และเห็นผลชัดเจนที่ 3-6 เดือน
• การปรับฮอร์โมนเพศหญิงให้อยู่ในระดับที่สมดุล (Hormonal Replacement Therapy) ในกรณีที่อายุมากขึ้นถ้าสังเกตเห็นว่ามีอาการช่องคลอดแห้งร่วมด้วย หรือฝึกบริหารกล้ามเนื้อช่องคลอดที่ถูกต้องสม่ำเสมอไปแล้ว 2-3 เดือนแต่ยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีข้น แสดงว่าระดับของฮอร์โมนเพศหญิงชนิดเอสโตรเจนอาจอยู่ในระดับต่ำ ไม่สมดุล ควรไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจวัดระดับฮอร์โมน และแนะนำการใช้ฮอร์โมนธรรมชาติเพื่อปรับระดับให้สมดุล ก็จะทำให้ช่องคลอดกระชับดีขึ้นได้
• การใช้เลเซอร์กระชับจุดซ่อนเร้น (Vaginal Tightening Laser) ในกรณีที่ใช้วิธีที่ 1 และ 2 ติดต่อกัน 3-6 เดือนแล้วไม่ได้ผลแสดงว่าระดับความรุนแรงที่มีการหย่อนอาจมีมากขึ้น ในปัจจุบันในทางการแพทย์มีการใช้เลเซอร์เข้ามาช่วยในการกระชับช่องคลอด มีที่ใช้ 2-3 ชนิดได้แก่ CO2 laser, Nd Yag laser, RF laser ซึ่งมีความปลอดภัยในการใช้ และไม่ต้องอาศัยการพักฟื้นหลังทำ สำหรับการเลือกชนิดของเลเซอร์ก็จะขึ้นกับปัญหาของแต่ละบุคคล เช่น มีปัญหาช่องคลอดไม่กระชับเพียงอย่างเดียว มีปัญหาปัสสาวะเล็ดร่วมด้วย หรือมีปัญหาช่องคลอดแห้ง ร่วมด้วยหรือไม่ เป็นต้น ทั้งนี้ควรไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้คำแนะนำ และให้การดูแลรักษาที่เหมาะสม
• การผ่าตัดรีแพร์ (Vaginal Repair) มักใช้ในกรณีปัญหามีความรุนแรงมาก เช่นมีปัสสาวะเล็ดราด มีมดลูกยื่น หรือมีปัญหาเกี่ยวกับการถ่ายอุจจาระร่วมด้วยเป็นต้น ซึ่งเป็นธรรมดาของการผ่าตัดที่จะต้องใช้เวลาในการพักฟื้น และดูแลแผลหลังการผ่าตัด ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์เพื่อให้คำแนะนำเช่นกัน
Story by แพทย์หญิง กฤษดากร เกษรคำ
จากสถาบัน Addlife Anti-Aging Center