counters
hisoparty

เรื่องเล่าจากความทรงจำ ม.ล. ศิริเฉลิม สวัสดิวัตน์

7 years ago

“คุณพ่อผม ม.ร.ว.ถนัดศรี สวัสดิวัตน์ เล่าให้ฟังว่าเมื่อสมัยพ่อเด็กๆ ตอนนั้นรัชกาลที่ 8 และ รัชกาลที่ 9 พร้อมด้วยสมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ยังทรงพระเยาว์อยู่ ทั้งสามพระองค์ได้ประทับอยู่ที่วังสระปทุม ก่อนที่จะเสด็จไปอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์ คุณพ่อเองได้รับพระมหากรุณาธิคุณ จากสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ซึ่งทรงเป็นพี่แท้ๆ ของสมเด็จปู่ของพ่อผม สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณ กรมพระสวัสดิวัดนวิศิษฎ์ พ่อพร้อมกับพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสุทธสิริโสภา ก็ได้อยู่ในวังเดียวกันและในเวลานั้น ก็ได้ทรงรับใช้และเล่นกับเจ้านายมาเมื่อตอนเด็กๆ หลังจากนั้นเมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ขึ้นครองราชย์ คุณพ่อเองซึ่งเป็นหลานสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ในรัชกาลที่ 7 พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ก็ได้ทรงโปรดเกล้าให้ไปร้องเพลงถวายเจ้านายที่เสด็จมาประพาสประเทศไทย เช่น พระราชินีฟาบิโอลา และกษัตริย์โบดวงแห่งเบลเยี่ยม คุณพ่อได้ร้องเพลงลาวดวงเดือนถวายหน้าพระที่นั่ง พวกเราเป็นแค่ข้าราชบริพารของเจ้านายทั้งหมด และไม่อาจเอื้อมที่จะเป็นอย่างอื่น นอกจากเป็นข้าราชบริพารที่ดี พ่อเป็นคนที่ขี้เล่นและสนุกสนาน อีกทั้งยังเคยตามเสด็จ สมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงตอนที่เสด็จไปที่ประเทศนอร์เวย์ ความที่เป็นคนขี้เล่นของพ่อ พ่อก็จะเล่าเรื่องตลกๆ ถวายตลอดสร้างความสนุกสนานให้กับทุกคน แต่มีเจ้านายพระองค์เดียวเท่านั้นที่สามารถเบรคพ่อได้ นั่นก็คือสมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวง ท่านเพียงแต่หันพระพักตร์มามองหน้าพ่อแล้วก็รับสั่งว่า “ถนัดศรีไม่ตลก” พ่อผมก็ตายไปเลยครับ”

“สำหรับผมก็โตมาที่วังศุโขทัยได้รับการดูแลจากสมเด็จย่าของผม คือ สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ในรัชกาลที่ 7 และตั้งแต่เด็กๆ ก็ได้เห็นภาพ และพระอิริยาบถที่งดงาม ของทั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เมื่อเสด็จมาสรงน้ำสมเด็จย่าของผมที่วังศุโขทัย ขณะนั้นผมก็ยังเด็กอยู่ ก็ได้ลงไปข้างล่างหมอบกราบรับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ สมเด็จย่าของผมก็ถวายคำนับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้า ทั้งสองพระองค์ก็ไหว้ในฐานะที่พระองค์ท่านทรงเป็นหลานอา เมื่อเสด็จเข้าไปในห้องรับแขกห้องใหญ่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็จะสรงน้ำ สมเด็จย่าของผมก็เชิญเสด็จประทับข้างบน แต่ท่านจะประทับข้างล่าง พระเจ้าอยู่หัวก็ทรงจับพระหัตถ์ แล้วก็เชิญเสด็จมาประทับข้างๆ แล้วก็สรงน้ำถวายสมเด็จย่า ในเวลาเดียวกัน สมเด็จพระนางเจ้าก็ประทับกับพื้น สมเด็จย่าของผมก็กราบบังคมทูลเชิญให้ประทับข้างบน พระองค์ก็ไม่ทรงยอม ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมเห็นแล้วประทับใจที่ได้เห็นความกตัญญูกตเวทิตา และการที่พระองค์ท่านทรงให้ความสำคัญกับโบราณราชประเพณีมาตลอด ผมไม่ได้เข้าไปในห้องนั้นเพราะว่ายังเด็กอยู่มาก แต่จะเป็นสิ่งที่ผมจำไม่มีวันลืม”

“อีกภาพความทรงจำที่ผมไม่มีวันลืมก็คือ ภาพที่คุณพ่อได้รับพระราชทานน้ำสังข์ และเจิมศีรษะโดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อคุณพ่ออายุ 80 ปี ซึ่งนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้สำหรับครอบครัวของเรา ตอนนี้พ่อผมก็อายุกว่า 90 ปีแล้ว ก็เริ่มจะหลงๆ ลืมๆ เรื่องราวเก่าๆ ไปหมด ถึงแม้สุขภาพของพ่อยังแข็งแรงดีอยู่ แต่ด้วยอายุขัย ทำให้ความทรงจำของพ่อลบเลือนไปบ้าง วันที่พระบาทสมเด็จพระพระเจ้าอยู่หัวสวรรคต ได้เรียนพ่อว่า พระเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคตแล้ว พ่อก็น้ำตาคลอแล้วยกมือขึ้นถวายบังคม แล้วสองสามวันต่อมาก็ลืมว่าเกิดอะไรขึ้น สำหรับตัวผมเองพอได้รับข่าวก็รู้สึกโศกเศร้าอย่างที่สุด ผมเชื่อว่าประชาชนทั้งหมดในประเทศไทยก็โศกเศร้าไม่แตกต่างไปจากผมเช่นกัน แต่ผมอยากจะเอาความโศกเศร้าที่ผมมี น้อมนำกระแสพระราชดำรัสและความทรงจำดีๆ ที่มีต่อในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่พระองค์ท่านทรงปฏิบัติ นำมาเป็นแบบอย่างให้ผมได้ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ตอบแทนบุญคุณชาติ ช่วยเหลือประชาชน และทำให้ประเทศชาติเจริญยิ่งๆ ขึ้นไป”

“ตั้งแต่ผมกลับมาจากเมืองนอกได้ 20 กว่าปี ผมก็ได้ทำรายการเกี่ยวกับเรื่องอาหารและได้ถ่ายทำรายการเกี่ยวกับสิ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงทำมาตลอด โครงการต่างๆ ที่จะพัฒนาประเทศไทย และสร้างความกินดีอยู่ดีให้กับพี่น้องประชาชนชาวไทย ซึ่งส่วนมากก็จะทำไร่ทำสวนทำนา ผมได้ไปถ่ายทำที่โครงการหลวงและโครงการแม่ฟ้าหลวงของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ตั้งแต่สมัยที่ยังไม่เป็นแฟชั่น ผมได้พบกับหม่อมราชวงศ์ดิศนัดดา ดิศกุล พี่ชายดิศก็พูดมาตลอดว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงทำงานมาเพื่อความสุขของประชาชนมา 70 ปี สร้างโครงการตัวอย่างเป็นพันๆ โครงการ คนมาดูแล้ว ขอพูดแบบหยาบๆ ว่า มาดูแค่นั้นแล้วไม่เอามาใส่กบาล และไม่เคยเอาไปปฏิบัติ ผมคิดว่าพี่ชายดิศพูดถูก ตอนนี้มันก็ถึงเวลาแล้วที่เราควรจะเอาสิ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงทำมาให้กับเราเป็นตัวอย่างนาน 70 ปี นำมาปฏิบัติจริง ไม่ใช่แค่พูด เอามาทำจริง ไม่ใช่แค่ไป แล้วก็ชะโงกดู สุดท้ายก็มาตะโกนบอกว่ารักชาติ รักพระเจ้าอยู่หัว ถ้าเรารักพระเจ้าอยู่หัว จริงๆ เราก็ควรจะทำตามที่พ่อเคยทำให้ดู แล้วเดินตามรอยพ่อสร้างความสามัคคี ความโอบอ้อมอารีและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ให้คนไทยด้วยกัน”

“ผมนึกว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 จะอยู่กับเราไปตลอด แต่ผมเองก็ผิดเพราะว่า ได้แต่สรรเสริญพระองค์ท่าน แต่ไม่ได้เอาสิ่งที่พระองค์ท่านทำและสั่งสอนไปปฏิบัติ ผมจึงขอปวารณาตัวกราบพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสัญญาว่าจะทำให้สิ่งที่ดี จะแบ่งปันความรู้และจะช่วยเหลือพี่น้องคนไทยมากขึ้นพัฒนามากขึ้นและให้เป็นคนดีและปฏิบัติในสิ่งที่ดีๆ ที่พระองค์ท่านเคยสั่งสอนเรามา ผมอยากเตือนจิตใต้สำนึกของคนไทยทั่วประเทศว่า ในหลวงของเราเป็นเทพ แต่ทรงพระดำเนินดินที่ประเสริฐยิ่ง พระองค์ท่านไม่ได้แค่สั่งสอนอบรม แต่ทรงทำให้เราดูก่อน เพื่อเราจะเอาอย่างพระองค์ท่านแล้วทำตามเพื่อความสุขความเจริญของประเทศชาติต่อไป ผมขอกราบพระบาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วยความซาบซึ้งในสิ่งที่พระองค์ท่านได้ทรงทำ ทรงอธิบาย ทรงสอนให้กับพวกเรา และสัญญาว่าจะทำตามไม่มากก็น้อย เพราะเราเองนั้นบารมีไม่ถึงพระองค์ท่านแน่ๆ ที่ทรงทำและอบรมสั่งสอนมาเป็นเวลา 70 ปี”

Photo By : Veerapol

SHARE