การเดินตามความฝันทางด้านศิลปะที่ชัดเจนมาตั้งแต่วัยเด็ก ทำให้พี่สาวคนโตของบ้าน ‘ธนวิสุทธิ์’ สามารถวางรากฐานเป้าหมายให้กับชีวิต ด้วยเทคนิคการทำ To Do List เป็นประจำทุกวัน จุดเริ่มต้นของการพัฒนาตัวเองให้เติบโตอย่างมีคุณค่า สามารถสร้างความเข้มแข็งให้กับตัวเอง พร้อมเป็นที่พึ่งให้กับน้องๆ ในฐานะพี่สาวคนโตที่รักการเรียนรู้ และคอยซัพพอร์ตครอบครัวได้เสมอ
ชีวิตวัยเด็ก
ตอนนี้เรียนปี 3 ที่มหาวิทยาลัย Temple University โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ค่ะ ส่วนตอนมัธยมแพรวเรียนที่ International School of Bangkok (ISB) เรียนตั้งแต่เกรด 5 - 12 ค่ะ
ตั้งแต่เด็กหนูเป็นคนค่อนข้างจะรักศิลปะ ชอบวาดภาพ จำได้เลยว่าตอนอยู่อนุบาล 3 ชอบวาดภาพท้องฟ้ามากๆ แล้วก็ชอบวาดภาพทุ่งหญ้า ซึ่งเป็นโจทย์ที่คุณครูมักจะให้เด็กๆ วาด หนูรู้สึกว่าการได้วาดอะไรจากจินตนาการของตัวเอง มันทำให้หนูกลายเป็นคนครีเอทีฟ จนกระทั่งถึงตอนนี้หนูรู้สึกหลงรัก และชื่นชอบในการวาดภาพ ทำกราฟฟิกดีไซน์ ชอบเอาความครีเอทีฟ ผลิตผลงานออกมาเป็นภาพวาดแคนวาส Photoshop และ Illustrator
ส่วนบทบาทในครอบครัว ด้วยความที่หนูเป็นพี่สาวคนโต มีน้องสาวและน้องชาย นอกจากคุณแม่ หนูจะเป็นอีกหนึ่งคนที่คอยให้คำปรึกษากับน้องๆ และเป็นคนที่น้องๆ สามารถพึ่งพาได้ หนูเลยรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนค่อนข้างเข้มแข็งมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เพราะหนูรู้ว่าตัวเองมีน้องที่ต้องคอยดูแล ก็เลยต้องพยายามเรียนรู้อะไรหลายอย่าง หนูสนิทกับทุกคนในครอบครัวนะคะ ตั้งแต่เด็กก็อยู่กับคุณแม่ตลอด ไปไหนมาไหนกับคุณแม่ คุณแม่เป็นคนที่คอยอยู่ข้างๆ เสมอ ไม่ว่าหนูจะต้องผ่านเรื่องราวอะไรก็ตาม หรือแม้แต่เวลาที่หนูไปเรียนต่อต่างประเทศ หนูก็ยังคุยกับทุกคนในครอบครัวเกือบทุกวัน เฟซไทม์หากัน ไลน์หากัน หนูเติบโตมาในครอบครัวที่ค่อนข้างอบอุ่น คอยซัพพอร์ตความฝันของหนู ทั้งเรื่องการเรียน และการทำงานค่ะ
แรงบันดาลใจ
ส่วนแรงบันดาลใจที่ทำให้หนูเลือกมาเรียนประเทศญี่ปุ่นคือ ทุกครั้งเวลาที่หนูไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่น หนูสนใจในแพ็กเกจจิ้งของเขามาก หนูรู้สึกว่าดีไซเนอร์ให้ความสำคัญกับแพ็คเกจสินค้า ใส่ใจดีเทลเล็กๆ น้อยๆ แม้จะเป็นแค่รูปแบบของซองขนม วิธีการเปิด หรือการดีไซน์ให้เหมาะสมกับสไตล์ลูกค้ามากที่สุด ทำให้หนูรู้สึกว่าอยากไปเรียนรู้ด้านดีไซน์ อยากลองไปใช้ชีวิต อยากรู้ว่าทำไมคนญี่ปุ่นถึงมีความคิดที่ละเอียดอ่อนขนาดนี้ หนูเลยตัดสินใจไปบอกคุณแม่ และเลือกไปเรียนต่อที่ประเทศญี่ปุ่นตามความฝันของตัวเองค่ะ แล้วหนูก็เริ่มใช้เวลาในช่วงโควิดให้เป็นประโยชน์ด้วยการเรียนภาษาญี่ปุ่นค่ะ
ในวัย 23 ปี อะไรคือสิ่งที่คุณให้ความสำคัญมากที่สุด
สิ่งที่แพรวให้ความสำคัญมากที่สุดในช่วงอายุ 23 ปีคือ การพัฒนาตัวเองในด้านวิชาการ เพราะแพรวคิดว่ามันเป็นช่วงอายุของการเรียนรู้ที่จะล้มไปพร้อมๆ กับการพัฒนาตัวเอง เป็นช่วงอายุที่แพรวยังพร้อมเปิดรับหลายๆ อย่างได้ และเป็นช่วงอายุที่แพรวยังมีพลังในการขวนขวายหาความรู้เพิ่มเติม ในขณะเดียวกันก็ยังสามารถ Mistake ได้อยู่ แพรวเลยต้องการหาความรู้ใหม่ๆ นำมาพัฒนาความสามารถและพัฒนาชีวิตของตัวเอง ทั้งในด้านการเรียนและการใช้ชีวิตส่วนตัว เพื่อเติบโตไปสู่การมีชีวิตที่ดีในอนาคตค่ะ
ความภูมิใจในตัวเอง
แพรวเชื่อว่าทุกช่วงชีวิตของทุกคนมันจะมีความยาก และมีอุปสรรคที่ไม่เหมือนกัน ตอนเด็กๆ อุปสรรคก็เป็นอีกแบบ ถ้ามองย้อนกลับไปในช่วงเวลานั้นก็อาจจะยากมากๆ หรืออย่างตอนนี้แพรวก็เจออุปสรรคที่ยากและท้าทาย ซึ่งแพรวจะต้องผ่านมันไปให้ได้ ตรงนี้แหละเป็นสิ่งที่ทำให้แพรวภูมิใจในตัวเองค่ะ แพรวภูมิใจที่สามารถก้าวผ่านความยากในทุกช่วงชีวิตมาได้ แพรวมีความพยายามที่จะอดทน และมุ่งมั่นในทุกๆ เรื่อง และแพรวต้องขอบคุณทุกอุปสรรคที่ผ่านเข้ามา มันทำให้แพรวรู้สึก grateful และขอบคุณตัวเองอยู่เสมอ ในทุกวันแพรวจะขอบคุณตัวเอง ขอบคุณที่ไม่ยอมแพ้ และขอบคุณที่พยายามอย่างเต็มที่ ที่จะพัฒนาตัวเองเสมอ ซึ่งแพรวภูมิใจจริงๆ ที่ตัวเองมีความอดทนและสามารถผ่านทุกอย่างมาได้ค่ะ
จุดแข็งของตัวเอง
แพรวเป็นคนที่ค่อนข้างออแกไนซ์มากๆ ในทุกวันแพรวจะทำ To Do List เพื่อให้รู้ว่าวันนี้จะต้องทำอะไร ที่สามารถตั้งเป้าและบรรลุไปสู่จุดหมาย มันทำให้รู้สึกมีกำลังใจ เมื่อทำได้แพรวจะชื่นชมตัวเอง และขอบคุณตัวเองที่ทำสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ในแต่ละวัน เป้าหมายไม่จำเป็นที่จะต้องยากไปเสมอ เพราะสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ก็สามารถทำให้เราค่อยๆ บรรลุเป้าหมายได้เหมือนกัน ซึ่งแพรวมองว่ามันมีประโยชน์มากๆ ต่อตัวเอง เพราะมันสามารถต่อยอดไปสู่การทำโปรเจกต์ใหญ่ๆ ได้ในอนาคตค่ะ
มุมมองต่อคนรุ่นใหม่ที่มีพลัง
ด้วยความรวดเร็วของเทคโนโลยีในยุคปัจจุบัน แพรวคิดว่าคนรุ่นใหม่ที่มีพลังควรจะเป็นคนที่มีวิสัยทัศน์เปิดกว้าง มีความคิดสร้างสรรค์ ยืดหยุ่น พร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และยอมรับความท้าทาย มีความยืดหยุ่นสามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ต่างๆ ได้ จะทำให้เรากลายเป็นคนที่มีพลังมากๆ อีกสิ่งหนึ่งคือการรักษาความคิดบวกเอาไว้ มันจะช่วยให้เราก้าวหน้าขึ้นได้ หากมีอะไรผิดพลาด แพรวคิดว่ามันเป็นบทเรียนที่มีค่ามาก และไม่สามารถหาได้จากห้องเรียน แต่เราเรียนรู้ได้จากชีวิตจริง และสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ เพราะแพรวเชื่อว่าไม่มีใครสอนตัวเราได้ดีกว่าตัวเรา
อยากให้คนจดจำว่าเป็นคนแบบไหน
แพรวอยากให้คนจดจำว่าแพรวเป็นคนครีเอทีฟ มีความคิดสร้างสรรค์ เป็นคนเปิดกว้าง พร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เสมอ มีความอดทน ซึ่งความอดทนนี้ส่งผลทำให้แพรวเปิดกว้าง และพร้อมที่จะเรียนรู้อะไรใหม่ๆ เพราะว่าทุกบทเรียนที่ผ่านเข้ามา มันท้าทายและมีความยาก แต่เราก็มีความอดทนในการเรียนรู้ และผ่านจุดนี้ไปได้ เป็นภาพที่แพรวอยากให้คนจดจำแบบนี้ค่ะ
บุคคลต้นแบบ
บุคคลต้นแบบของหนูคือ คุณแม่ค่ะ เพราะคุณแม่เป็นคนที่เข้มแข็งและเก่งมาก ไม่ว่าเจอเรื่องยากแค่ไหน คุณแม่ก็สู้เสมอ คุณแม่จึงเป็นแรงบันดาลใจให้หนูอยากเป็นคนที่ไม่ยอมแพ้ และตั้งใจทำสิ่งต่างๆ เหมือนกับท่านค่ะ
HiSoParty สำหรับคุณคือ
HiSoParty สำหรับหนูคือพื้นที่ที่ได้เจอผู้คนที่มีพลังบวก ทำให้หนูได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และได้เปิดมุมมองให้กว้างขึ้น ไม่ใช่แค่เรื่องการใช้ชีวิต lifestyle ของแต่ละคน แต่ยังเป็นโอกาสในการสร้างแรงบันดาลใจ เชื่อมต่อกับคนที่มีความฝันและมีความตั้งใจที่เหมือนกันค่ะ
