การฟอกฟันขาวนั้น ใช้สารฟอกฟันขาวในกลุ่มเปอร์ออกไซด์ (peroxide) เช่น ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ หรือคาร์บาไมด์เปอร์ออกไซด์ มาใช้ฟอกสีฟันให้ฟันขาว สารดังกล่าวนี้ ถูกใช้กันมากว่าร้อยปีแล้ว สารดังกล่าวจะไปกำจัดเม็ดสีในฟันให้จางลง เมื่อฟอกฟันไปในระยะเวลาหนึ่งฟันจึงดูขาวใสขึ้น ในทางทันตกรรม จะใช้สารไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ความเข้มข้นต่ำๆ มาฟอกฟันขาว ปัจจุบันสมาคมทันตแพทย์แห่งประเทศสหรัฐอเมริกา ยอมรับความเข้มข้นที่ต่ำกว่า 3.5% ว่าเป็นความเข้มข้นที่ปลอดภัย สามารถยอมรับให้วางขายเป็นเครื่องสำอางค์ และหาซื้อไปใช้เองได้โดยไม่ต้องมีทันตแพทย์สั่งให้
การฟอกฟันขาวมีกี่วิธี
การฟอกฟันขาวแบ่งได้เป็น 3 วิธี คือ
● หนึ่งฟอกฟันขาวที่คลินิกทันตกรรม
● สองไปหาทันตแพทย์เพื่อปรึกษาและรับยากลับมาฟอกเองที่บ้านประมาณสองถึงสี่สัปดาห์
● สามการไปหาซื้อผลิตภัณฑ์ฟอกสีฟันที่ซุปเปอร์สโตร์ต่างๆ และนำกลับมาทำเองที่บ้าน
บทความนี้จะเน้นการให้ความรู้ ว่าจะใช้ยาฟอกสีฟันวิธีที่สองและวิธีที่สามอย่างไร ให้มีความปลอดภัย และได้ฟันที่ขาวสวย
การฟอกโดยทันตแพทย์จ่ายยาและให้ถาดครอบฟันเฉพาะบุคคล กลับไปฟอกเองที่บ้าน
วิธีนี้ ทันตแพทย์จะพิมพ์ฟันและนำไปทำถาดฟอกฟันที่มีรูปร่างเฉพาะบุคคล ต่อมาจะจ่ายยาฟอกสีฟันที่มีส่วนประกอบของเปอร์ออกไซด์ความเข้มข้นประมาณ 3.5-10% ในรูปแบบเจล ให้กลับไปฟอกฟันที่บ้าน วันละ 2-6 ชม วันละครั้ง หรือฟอกสีฟันวันเว้นวัน เป็นเวลาต่อเนื่อง 2-4 สัปดาห์ วิธีนี้มีรายงานสนับสนุนว่าเป็นวิธีที่สามารถฟอกฟันได้ความขาวสูงสุด และความขาวนั้นคงทนยาวนานถึง 5 ปี ราคาค่าฟอกฟันก็ต่ำกว่าอย่างมาก เมื่อเทียบกับวิธีแรก แต่มีข้อเสียคือ ใช้เวลานานกว่า และการใส่ถาดเฉพาะบุคคลก่อนนอน หรือตอนนอนนั้น บางคนก็ไม่ชอบเอาซะเลย
การซื้อผลิตภัณฑ์บนชั้นขายของ (over the counter products) ในซุปเปอร์สโตร์มาใช้เองที่บ้าน
วิธีการนี้ในบ้านเรายังไม่พบมากนัก ลักษณะสารฟอกฟันนี้ มีตั้งแต่ชนิดที่เป็นแผ่นติดฟัน ขวดยาที่มีพู่กันจุ่มสารมาทาบนฟัน และชนิดที่ใช้ยางกัดหรือใช้แปรงฟันโดยตรง
ผลิตภัณฑ์ที่วางขายได้อย่างนี้ จะมีความเข้มข้นของเปอร์ออกไซต์ต่ำมาก (0.5%) ประสิทธิภาพจึงต่ำกว่าวิธีที่สอง (แต่มีรายงานว่าได้ผลมากกว่าวิธีที่หนึ่ง) แต่ก็จัดว่าได้ผลทำให้ฟันขาวได้เช่นกัน แต่อาจต้องใช้ติดต่อกัน 2-6 สัปดาห์
ยังมีผลิตภัณฑ์ เช่นยาสีฟันสูตรฟอกฟันขาว หมากฝรั่งฟอกฟันขาว และไหมขัดฟันฟอกฟันขาว สิ่งต่างๆ เหล่านี้ ไม่ได้ช่วยในการฟอกฟันขาวใดๆ เลย เนื่องจากไม่มีสารเปอร์ออกไซด์ เป็นส่วนประกอบ แต่ผลิตภัณฑ์ต่างๆนี้ จะช่วยกำจัดคราบฟัน ที่มาจากคราบอาหารหรือชากาแฟได้บ้าง จึงทำให้ฟันขาวขึ้น แต่ไม่เกี่ยวกับการฟอกสีฟันใดๆ เลย จึงไม่จำเป็นที่จะไปซื้อหามาเพื่อมาช่วยฟอกฟันขาว เพราะมันช่วยกำจัดได้แต่ขี้ฟันหรือคราบฟันเท่านั้น
การฟอกฟันขาว มีผลเสียไหม
ถาม: หลายคนสงสัยว่าการฟอกฟันเป็นการละลายผิวฟันออก ฟันจะไม่แข็งแรงไหม
ตอบ: การฟอกฟันด้วยน้ำยาที่ผลิตเพื่อการฟอกฟัน จะไม่ทำอันตรายต่อฟันเลย ทั้งในระยะสั้นและในระยะยาว
ถาม: ผลข้างเคียงของการฟอกสีฟัน มีไหม
ตอบ: ผลข้างเคียงของการฟอกสีฟันทุกชนิดคือ อาการเสียวฟัน ทั้งในขณะฟอกและหลังฟอกฟันขาว ซึ่งอาการนี้จะเกิดขึ้นร้อยละ 75 ของคนที่ฟอกฟัน แต่เป็นอาการชั่วคราวเท่านั้น ส่วนใหญ่จะมีอาการต่อเนื่องหลังหยุดฟอกฟันแล้วไม่เกิน 4-5 วัน หมอแนะนำให้ใช้ยาสีฟันลดอาการเสียวฟัน ก็จะช่วยให้อาการดังกล่าวลดลงจนหายไปในที่สุด
การฟอกฟันขาวจัดเป็นงานทันตกรรมที่ไม่มีอันตราย ผลเสียของการฟอกฟันอาจจะเป็นการเสียเงินต่อเนื่อง เพราะการฟอกฟันนั้น สีขาวของฟันจะไม่ได้คงทนถาวร อาจต้องมีการดูแลและฟอกใหม่เป็นระยะๆ ต้องมีการเสียค่าฟอกฟันให้ขาวตามต้องการนั่นเอง
ข้อปฏิบัติในการฟอกสีฟันที่บ้าน
1. แปรงฟันให้สะอาดและใช้ไหมขัดฟันให้เรียบร้อย
2. ใส่น้ำยาฟอกสีฟันในถาดฟอกสีฟันบริเวณฟันหน้า (อ่านคู่มือปฏิบัติให้ดีก่อนทำ)
3. ไม่รับประทานอาหารและเครื่องดื่มในขณะใส่ถาดฟอกสีฟัน
4. สวมถาดฟอกสีฟันตามคู่มือปฏิบัติระบุ
5. เมื่อครบเวลาแล้ว ถอดถาดฟอกสีฟันออก บ้วนปากด้วยน้ำสะอาด
5. ทำความสะอาดถาดฟอกสีฟัน และวางผึ่งไว้ให้แห้ง (ไม่ต้องแช่น้ำ)
7. บ้วนปากให้สะอาด
*ควรเก็บน้ำยาฟอกสีฟันไว้ในที่เย็น
การปรับความถี่ในการฟอกสีฟัน
กำหนดให้ฟอกสีฟันทุกวันหากมีอาการเสียวฟันให้ปฏิบัติดังนี้
● ฟอกสีฟัน 1 วันแล้วหยุดฟอก 1 วัน สลับกันไป
● หากอาการเสียวฟันยังคงเกิดขึ้นให้ฟอกสีฟัน 1 วัน เว้น 2 วัน
● หากยังมีอาการเกิดขึ้นอีก ให้ฟอก 1 วัน เว้น 3 วัน หรือปรับระยะเวลาระหว่างการฟอกและหยุดฟอก จนกว่าไม่มีอาการเสียวฟัน
ผลข้างเคียงของการฟอกสีฟัน
อาการเสียวฟันภายหลังการฟอกสีฟันเป็นเรื่องปกติ และไม่ต้องตื่นตระหนกหากมีอาการดังต่อไปนี้
● อาการแสบคอ ในระหว่างฟอกสีฟันแสดงว่ามีการกลืนน้ำยาฟอกสีฟันเข้าคอ (พบน้อยมากๆ) ให้แก้ไขโดยลดปริมาณน้ำยาฟอกสีฟันที่ใส่ในถาดลง
● พบแผลหรือแสบบริเวณเหงือก ให้หยุดทำการฟอกสีฟัน ประมาณ 2 วันจนกว่าแผลหรืออาการแสบเหงือกหาย จึงกลับมาฟอกฟันอีกครั้ง
ข้อพึงปฏิบัติหลังฟอกสีฟัน
● ไม่ดื่มชา/กาแฟ/ไวน์ และอาหารสีเข้ม
● ไม่ดื่มน้ำเย็น หากดื่มจะเกิดอาการเสียวฟัน
** อาการเสียวฟันจะหายเป็นปกติหลังหยุดฟอกสีฟัน 4-5 วัน และไม่มีผลอันตรายถาวรใดๆ**
โดยสรุป ฟอกฟันขาวไม่เป็นอันตราย หากฟอกสีฟันด้วยทันตแพทย์หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตมาเพื่อการฟอกฟันขาวโดยเฉพาะ ก็จะไม่เป็นอันตรายอย่างแน่นอน แต่เสียวฟันจากการฟอกนั้น อาจเป็นผลข้างเคียงชั่วคราวที่เกิดได้