counters
hisoparty

“HAPPINESS IS TEMPORARY, SO AS SADNESS” - คุณสัณห์สินี จรรยาวิจักษณ์

1 year ago

 

          “ก่อนหน้านี้บุ้งกี๋เป็นที่ปรึกษากฎหมายทางด้านธุรกิจค่ะ มีหน้าที่ดูแลเรื่องสัญญาต่างๆ ขององค์กร แต่พอหลังแต่งงาน เรามีพาร์ทของการเป็นคุณแม่เพิ่มขึ้น ทำให้ปรับเปลี่ยนไปโฟกัสในเรื่องของ Investment แทน ซึ่งปัจจุบันลูกๆ เริ่มโตขึ้น Passion ของการทำงานก็เปลี่ยนไปอีก กลายเป็นว่าตอนนี้เราหันมาสนใจด้าน Beauty Business ค่ะ”

          “ซึ่งก็เป็นที่มาของการทำ เนล ซาลอน ชื่อ SoHo Nail Atelier ที่กำลังจะเปิดตัวเร็วๆ นี้ในเดือนพฤษภาคม แต่จะมีความพิเศษมากกว่าการเป็นร้านทำเล็บหรือสปาทั่วไป เริ่มตั้งแต่ความตั้งใจในการคัดสรรผลิตภัณฑ์ที่นำมาใช้ อาทิ สีทาเล็บคุณภาพสูงระดับโลก ช่างที่มีฝีมือขั้นสูง ผงขัดและอะไหล่นำเข้ามาจากหลายประเทศทั่วโลก เครื่องอบเล็บที่คัดสรรมาอย่างดีเพื่อถนอมผิวมือและเล็บ รวมไปถึงช่างที่มีฝีมือระดับอาร์ทติส เพื่อออกแบบให้แตกต่างจากการทำเล็บแบบเดิมๆ ในส่วนของช่างแต่งหน้าทำผมระดับเอลิสต์ที่มีชื่อเสียงแล้วคิวแน่น ทางร้านเราก็สามารถดีลไว้ให้คุณบุ๊คกิ้งเข้ามาใช้บริการได้เช่นกัน และอีกหนึ่งความพิเศษที่หาได้ยากจากที่อื่นๆ คือคอนเซ็ปท์หลักของร้าน ที่มีความต้องการให้เป็นสถานที่ที่สาวๆ หรือแก็งค์เพื่อนๆ ได้รวมตัวกัน เพราะนอกจากจะได้ทำสวยแบบครบวงจรตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าแล้ว ยังสามารถแฮงค์เอ้าท์ไปในตัวได้ด้วย ทำสวยไปด้วย จิบไวน์จิบแชมเปญไปด้วย และหากไม่ได้เข้ามาทำสวย ก็ยังสามารถมานั่งชิลล์จิบไวน์จิบแชมเปญชมวิวที่ร้านได้เช่นกัน หรือหากใครที่ต้องการไปงานที่ต้องแต่งตัวสวยจัดเต็ม ทางร้านเราก็ยังมีโซนของเสื้อผ้าจากไทยดีไซเนอร์ชื่อดังของเมืองไทยรองรับ ซึ่งเรียกได้ว่า มาที่นี่ที่เดียวสามารถสวยจบไปงานได้เลยค่ะ”

          “นอกจากนี้ ธุรกิจการทำ Supplements คือธุรกิจหลักที่สองที่ตามมาติดๆ ซึ่งตอนนี้อยู่ในกระบวนการส่งผลิตที่ประเทศอังกฤษ ที่มาของการทำเกิดจากสิ่งที่เราทานเองมานานนับสิบปี แล้วผลลัพธ์ที่ได้คือทุกคนจะทักเสมอว่า ทำไมผิวดี ไม่มีริ้วรอย ไม่มีจุดด่างดำ ซึ่งจริงๆ เนี่ยเป็นเพราะเราทานยาชะลอวัยจากคุณหมอสกินที่เราดูแลเรื่องผิว เราก็เลยไปปรึกษาคุณหมอว่าอยากจะทำออกมาในรูปแบบอาหารเสริม แต่ส่วนผสมบางตัวมีความเป็นยา ก็เลยไม่สามารถนำมาทำเป็น Supplements คุณหมอจึงครีเอทสูตรที่ใกล้เคียงที่สุดขึ้นมาให้เราโดยเฉพาะด้วย Technology และการค้นพบใหม่ๆ ประสิทธิภาพจึงอยู่ในระดับที่เทียบเท่ากัน แต่ส่วนผสมทั้งหมดและแคปซูลจะต้องมาจากประเทศอังกฤษ ทำให้ต้องอดใจรออีกนิดนึง เพราะเราก็เป็นคนค่อนข้างละเอียดและอยากจะทำสิ่งที่ดีที่สุดออกมาให้ทุกคนได้ทานกันค่ะ ซึ่งจริงๆ นอกจากทางด้าน Beauty Business เหล่านี้แล้ว เรายังมีแพลนทำเกี่ยวกับ Wellness อีกหลายโปรเจกต์ และก็ยังมีแพชชันเกี่ยวกับเสื้อผ้าอีกที่เราออกแบบร่วมกับดีไซเนอร์ที่เราใส่เองอยู่ตอนนี้ แต่ก็ยังรอเปิดตัวอีกเช่นกันค่ะ”

          “บุ้งกี๋มีลูกชายสองคนค่ะ คนโตชื่อน้องพลัส(เด็กชายเพิ่มพูน อินทรภูวศักดิ์) และคนเล็กชื่อน้องพร้อม (เด็กชายพูนเพิ่ม อินทรภูวศักดิ์) ในเรื่องของการดูแลลูก ถือว่าเป็นเรื่องหลัก เพราะใน 365 วัน เรานอนกับลูก 360 วันแล้ว เว้นช่วงตอนที่ลูกป่วยหรือเราป่วยที่ต้องแยกกัน เราเป็นคนชอบนอนกับลูก แล้วก็ไปรับส่งที่โรงเรียนถึงห้องเรียนทุกวัน ไม่ใช้คนขับรถ รู้สึกว่าเวลานอนกับเวลาในรถเป็น Quality time ที่ได้ใกล้ชิดพูดคุยกับลูกค่ะ เรื่องการเลือกอาหาร ของที่จะเอามาทำอาหารให้ลูกทาน จะเป็นคนเลือกเองทั้งหมดจะเลือกเฉพาะผักออร์แกนิค เนื้อสัตว์ปลอดสาร คือต้องมั่นใจว่าทุกอย่างที่ลูกทานเข้าไปมันมีประโยชน์กับเขาจริงๆ ขนมก็คงมีบ้าง เวลาเลี่ยงไม่ได้หลังเลิกเรียน สำหรับเรื่องการปลูกฝัง เราพยายามยึดหลักที่ว่า เราจะฟังเขาเยอะๆ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม เพราะเขาเห็นเราสำคัญ เขารักเราแบบไม่มีเงื่อนไข เพราะฉะนั้นคุณฟังไปเถอะ เพราะมันจะเพิ่ม Bonding อันเป็นรากฐานสำคัญ เวลาลูกโตขึ้นลูกก็อยากจะแชร์เรื่องราวให้เราฟัง แล้วก็อีกอย่าง เราพยายามไม่ขัดลูกหรือดุลูกในเรื่องที่ไม่จำเป็น และจะไม่ห้ามสะเปะสะปะ หนึ่งคือทำให้ลูกเสียความมั่นใจ อย่างที่สองคือ การที่เข้าไปขัดขวางความคิดของเขามากๆ จะทำให้เขาเป็นคนที่ไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง ซึ่งมันจะทำให้มีปัญหาสำหรับอนาคตของเขาได้ เราจะไม่วาง 1 2 3 4 แบบว่าเธอห้ามเถียงฉันนะ จะต้องเป็นอย่างนี้เท่านั้นนะ เราจะไม่ทำอย่างนั้นเลย เราจะพยายามดูว่า เขาชอบอะไร ไม่ชอบอะไร แต่ผลตอนนี้ทำให้เขาเป็นเด็กเลี้ยงยากเหมือนกัน ตรงที่ว่าถุงเท้าก็เลือก กางเกงชั้นในก็เลือก หมวกก็เลือก แต่เราคิดว่าเราโอเคนะ เพราะเราต้องอดทน ณ วันนี้ เพื่ออนาคตที่ดีของลูกในวันข้างหน้าค่ะ” 

INSPIRATION
          “จริงๆ คือบุคคลใกล้ตัวค่ะ ก็คือคุณปู่ของหลานๆ คุณอนุศักดิ์ อินทรภูวศักดิ์ ท่านเป็นคนดีและประสบความสำเร็จสูงสุด ทั้งในด้านชีวิตส่วนตัวและชีวิตการทำงาน ซึ่งค่อนข้างเป็นตัวอย่างที่หาได้ยาก เราเองเคารพท่านมากๆ ท่านเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่ว่าเราจะปรึกษาเรื่องอะไร เราจะได้คำแนะนำอย่างดีและยุติธรรม แล้วยังเป็นผลดีกับทุกฝ่ายเสมอ นอกจากนี้ท่านยังให้ไอเดียในการทำธุรกิจ รวมถึงข้อคิดในการใช้ชีวิตเยอะมาก และท่านยังเป็นคุณปู่ของหลานที่ดีมากๆ เป็นคนที่เราเคารพสูงสุดเลยค่ะ”

STYLE ICON
          “Monica Anna Maria Bellucci คนเดียวเท่านั้นค่ะ (ยิ้ม) สวย คลาสสิค รู้สึกสไตล์มีความใกล้เคียงกับตัวเองด้วย ผมยาว ใส่แต่ Dolce & Gabbana สีดำเหมือนกัน แล้วก็ชอบเทสต์ของเขาค่ะ”

DREAM DESTINATION
          “จริงๆ ไปมาแล้วหลายที่ทั่วโลกเพราะคุณพ่อเป็นนักบินค่ะ แต่ที่หนึ่งในใจคือ Italy เพราะเคยไปแต่ Milan, Rome และ Florence สำหรับที่ที่ใฝ่ฝันอยากไปคือ Amalfi Coast เกาะ Capriเราเป็นคนชอบทะเล ช่วงที่มีฮอลิเดย์ในเมืองไทยก็จะไปแต่ภูเก็ตไปเกาะสมุย พอเป็น Dream Destination จึงต้องเป็นที่คาปรีเลย จะต้องไปให้ได้ แต่รอลูกโตอีกนิดนึง เพราะเราชอบทั้งอาหาร ชอบทั้งคน ชอบทั้งไลฟ์สไตล์ ทั้งเสื้อผ้า ชอบวัฒนธรรม ชอบทุกอย่างที่เป็นที่นั่นค่ะ”

MOVIES
          “เป็นคนแปลกอย่างนึงค่ะ เพราะเลือกดูหนังจากภาพเป็นส่วนใหญ่ จะมีอยู่สามเรื่องที่ชอบมากจริงๆ หนึ่งเลยคือ Meet Joe Black เรื่องนี้ชอบทั้งเนื้อเรื่องและนักแสดง นางเอกสวยมาก เรื่องที่สองคือ The Great Gatsby และสาม In the mood for love ของ หว่อง กา ไว เรื่องนี้ชอบภาพมากเป็นพิเศษ เพราะโดยส่วนตัวชอบกลิ่นอายของความวินเทจค่ะ”

MUSIC
           “The Weeknd ค่ะ ชอบเพลงที่มีกลิ่นอายของ Soul ผสม Electronic ฟังดูแปลกๆ หน่อย แต่ให้ความรู้สึกวินเทจ และตอนนี้ก็ชอบนักร้องอีกคน Stephen Christopher Sanchezแนวเพลง Soul เหมือนกัน ชอบภาพ MV ของเขาด้วย”

WARDROBE
          “แน่นอนว่าเอกลักษณ์ของตัวเองคือเสื้อสายเดี่ยวลูกไม้สีดำค่ะ และยังเป็นชุดที่ชอบที่สุด สำหรับแบรนด์โปรด ก็ต้อง Dolce & Gabbana และ La Perla”

SIGNATURE ITEMS
          “กำไลข้อมือกับเสื้อผ้าสีดำค่ะ คือตัวเองจะเป็นคนที่มีสีประจำตัวคือชุดสีดำเท่านั้น หรือเรียกได้ว่า 98% เลยที่มี ฉะนั้นถัดมาก็คือเครื่องประดับ ที่เป็นเอกลักษณ์ประจำตัว เพราะจะใช้แต่สีทองเท่านั้น ถ้าจะมีสีอื่นเข้ามาแซมบ้าง ก็จะมีแค่สีเขียวไม่มีสีอื่นเลย ซึ่งกำไลทอง ก็ต้องเป็นเยลโล่โกลด์ และเอาเข้าจริงบุ้งกี๋เป็นคนที่ไม่ค่อยติดแบรนด์นะ แต่เป็นคนเลือกซื้อของจากดีไซน์มากกว่า ถ้ากำไลเราก็จะชอบ Cartier กับ Bvlgari เพราะสีทองของเขาให้สีทองแบบที่เราชอบจริงๆ แม้ราคาจะค่อนข้างสูงหน่อย แต่เราใส่ได้ตลอด ใส่ได้ทุกวันมันจึงค่อนข้างคุ้มค่าค่ะ”

BAGS
          “สำหรับบุ้งกี๋ตอนนี้จะมาฮิต Hermès Kelly 20 ค่ะ เพราะเมื่อก่อนจะใช้แต่ Birkin 25, 30 พอมีลูกเริ่มมีปัญหาปวดหลัง ก็เลยเปลี่ยนมาใช้รุ่นนี้ ซึ่งชอบมาก ถือได้ทุกวัน ไปรับลูกก็ได้ ไปงานก็ได้ ได้ทุกโอกาส จะแต่งตัวสไตล์ไหนถือได้หมด ก็เลยคิดว่าพยายามจะซื้อหนังจระเข้ให้มากขึ้น เพราะมูลค่าเขาขึ้นเรื่อยๆ เหมือนเป็น Investment ไปในตัว และจะพยายามไม่เก็บกระเป๋าแบบอื่นๆ เลย ซึ่งพอเราใช้วิธีเก็บแบบนี้ หรือจะเป็นกระเป๋า Chanel ใบเล็ก ก็ยังเป็นเหมือนแอคเซสซอรี่อย่างนึงด้วย คือช่วงหลังๆ ถ้าเราเจอกระเป๋า Chanel ใบเล็ก เราก็จะซื้อเก็บไปเรื่อยๆ ด้วยเหมือนกันค่ะ”
          “นอกจากนั้น เราจะมีกระเป๋าคาดเอวอยู่สองสามใบ มีใบนึงเป็น Dior อีกสองใบเป็น Hermès กับ Chanel แต่จริงๆ ใช้ Hermès เยอะกว่า เพราะมันจุกว่า บางทีใช้เวลาไปรับลูกแล้วแต่งตัวง่ายมากเลย ใส่แค่เสื้อกล้ามกางเกงแล้วจบเลย วิ่งตามลูกทันไม่มีอะไรพะรุงพะรัง แล้วหนังของเขาค่อนข้างทน ก็เป็นอีกใบนึงที่รู้สึกว่าใช้คุ้มค่ะ”

Perfume
          “Dr.Vranjes กลิ่น Rosso Nobile เท่านั้น เรื่องนี้ตลกมาก เพราะไม่มีใครใช้ คือเราไม่รู้ว่าเราถูกโฉลกอะไรกับอิตาลีรึเปล่า โมนีกา เบลลุชชี ก็คน Italian พอน้ำหอมก็ยังเป็น Italian brand อีก จริงๆ มันเป็นแบรนด์ Diffuser ค่ะ ไม่ใช่แบรนด์น้ำหอม แต่หอมมาก ซึ่งตอนนั้นเราเทใส่ขวดสเปรย์แล้วเอามาฉีดที่ตัว เวลาไปที่ไหนก็มีแต่คนทักว่า กลิ่นอะไร หอมจัง จนเพิ่งมาเจอเมื่อปีที่แล้วว่าแบรนด์นี้ผลิตออกมาเป็นน้ำหอมแล้ว เราก็ซื้อกลิ่นเดิมเลย สตอรี่ตลกมาก” (ยิ้ม)

EARRINGS
          “ถ้าต่างหูเพชรต้องทรงระย้าเท่านั้น เพชรติดหูจะไม่ใส่เลย หรือถ้าเป็นต่างหูอื่นๆ ที่ไม่ใช่เพชร เป็น Gemstone อันที่ชอบที่สุดคือ Emerald และ Peridot เท่านั้น และก็ต้องเป็นทรง Pear shape ไม่ใส่ทรงอื่นค่ะ”

SHOES
          “ชอบรองเท้าใสค่ะ จริงๆ จะไม่ได้ยึดติดเรื่องแบรนด์เท่าไหร่ แต่พอ Amina Muaddi ออกมาเป็นรุ่นรองเท้าใสเยอะเลย เราก็เก็บทุกคู่ จริงๆ มีที่บ้านอีก แต่ถ้าไปรับลูกก็จะมี Gucci รุ่นใสที่ใส่ประจำ ที่ชอบเพราะว่าเราได้โชว์เล็บ โชว์เท้า ซึ่งพอใส่แล้วช่วยให้ดูขาเรียวยาวขึ้นอีก นอกจากนั้นก็อาจจะมีรองเท้า Bottega Veneta ที่เป็นหนังเพราะก็ใส่สบาย สำหรับเวลาที่เราแต่งตัว Casual ในชีวิตประจำวัน แต่หลักๆ ที่เป็นไอคอนคือรองเท้าใสเท่านั้นค่ะ”

WATCH
          “Patek Philippe Nautilus เท่านั้น ไม่ชอบนาฬิกาอื่นเลย แต่แบรนด์อื่นก็มีค่ะ เพราะคุณพ่อบุ้งกี๋เป็น Collector สะสมนาฬิกา ท่านก็จะมีหลายยี่ห้อมาก แต่ของเรา เราถูกโฉลกกับแบรนด์นี้ รุ่นนี้มาก ซึ่งตอนนี้รอสีทองอยู่อีกเรือนค่ะ”

SUNGLASSES
          “Chanel ทรง Cat Eye จะซื้อทุกปีค่ะ เพราะแต่ละปีจะเป็น Cat Eye ที่ออกแบบมาแล้วทรงมีความต่างกัน มีดีเทลที่ไม่เหมือนกัน แต่เป็นทรงที่ไม่ได้ใหญ่มาก ออกแนวเรียวๆ หน่อย เราจะใส่ทรงนี้ทรงเดียวเลย ไม่ใส่ทรงอื่น และใส่แต่สีดำเท่านั้น”

DRINK
          “น้ำเปล่าไม่เย็นหรือชาร้อนไม่ใส่น้ำตาลค่ะส่วนแอลกอฮอล์ชนิดเดียวที่ดื่มคือไวน์แดงเท่านั้นค่ะ”

FOOD
          “สำหรับเรื่องอาหาร เราเป็นคนค่อนข้างช่างเลือกค่ะ จะพยายามทานแต่สิ่งดีๆ ที่ให้ประโยชน์กับเราจริงๆ แล้วก็ชอบสรรหาทานอาหารที่เขาได้มิชลิน ชอบทานโอมากาเสะ ทานปลา เพราะเรามองว่าอะไรก็ตามที่เข้าสู่ร่างกายเรามันสำคัญมาก ไม่ว่าจะสุขภาพภายในหรือสุขภาพผิว ซึ่งมันจะขึ้นอยู่กับสิ่งที่เรา
Intake เข้าไปทั้งหมด”

HAND CREAM
          “ปกติเป็นคนมือแห้งค่ะ ก็เลยพกติดตัวตลอด ชอบเพราะกลิ่นของเขาหอมด้วย และเคลมในเรื่องของ Rejuvenation เพราะฉะนั้นเราจะหน้าสวยแต่ปล่อยให้มือเหี่ยวก็ไม่ได้ค่ะ”

BEAUTY SECRET
          “อันดับแรกคือไลฟ์สไตล์ ถ้าเราพักผ่อนเพียงพอ ดูแลสุขภาพ ดูแลผิวพรรณ ก็จะทำให้ชะลอการเสื่อมโทรม อย่างที่สองคือ ต้องมีวินัย ต้องทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาดทุกวัน ต้องหมั่นทาครีมเพื่อปกป้องผิว สามคือ Supplements ซึ่งเป็นส่วนสำคัญมากๆ ที่ช่วยบำรุงรักษาผิวของเรา ถ้าหากเราได้รับอาหารเสริมที่ดี ไม่ใช่แค่ช่วยเรื่องผิวแต่ยังช่วยเรื่องสุขภาพให้ดีด้วย และสุดท้าย หากไม่สามารถทำสามข้อแรกได้หรือเอาไม่อยู่จริงๆ เราก็ต้องหันไปพึ่ง Dermatologist ค่ะ ซึ่งการเลือกผลิตภัณฑ์ในแบบบุ้งกี๋ จะเลือกเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่เป็น Medical Grade เท่านั้นโดยในตอนเช้าต้องเลือกใช้ที่มีวิตามินซีกับกันแดดซึ่งสำคัญมาก เป็นกุญแจสำคัญของการมีผิวหน้าที่ดี และตอนเย็นต้องล้างหน้าให้สะอาดด้วยโฟม เจล หรืออะไรก็ได้ที่ใช้อยู่เป็นประจำ และก่อนนอนต้องเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเรตินอลค่ะ”

BOOK
          “เชื่อว่าแต่ละคนจะมีเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจต่างกัน อาจจะเป็นพระ เป็นองค์เทพ หรืออะไรก็ตามในแบบของตัวเอง ในส่วนของบุ้งกี๋คือเรื่องของกฎแรงดึงดูดค่ะ ซึ่งหลายคนน่าจะเคยเห็นหนังสือ The Secret แต่สำหรับหนังสือ Manifest เล่มนี้ จริงๆ ก็เป็นเรื่องเดียวกัน แต่ปรับมานำเสนอในรูปแบบที่เข้ากับยุคสมัยมากขึ้น และคนที่รู้สึกว่ากำลังย่อท้อ อยากแนะนำให้ลองอ่านเล่มนี้ค่ะ”

Photo By : Veeraphol
Author By : Aunnkanta. C

SHARE