เพราะความรักและความผูกพันระหว่างพี่น้องเป็นสิ่งที่มีค่า และยั่งยืนตลอดชีวิต HiSoParty ฉบับนี้ จึงขอพาทุกคนไปพบกับสามพี่น้องตระกูลไทยเศรษฐ์ ได้แก่ คุณปานัดฌา (ชา), คุณซาบีดา (ดีดา) และคุณอัลฑริกา (หญิง) บุตรสาวสุดที่รักของคุณชาดา ไทยเศรษฐ์ ซึ่งพวกเธอจะมาบอกเล่าถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น และความทรงจำที่มีต่อกันในวัยเด็ก รวมถึงวิธีการจัดสรรเวลาให้กันและกันเมื่อแต่ละคนเติบโตและมีครอบครัวของตัวเอง นอกจากนี้พวกเธอยังจะแบ่งปันสิ่งดีๆ ให้กับบุคคลที่ต้องการความช่วยผ่านมูลนิธิไทยเศรษฐ์ เพื่อสานต่อสิ่งที่ครอบครัวปลูกฝังในการส่งต่อคุณความดีต่อผู้อื่นในสังคมอีกด้วย
เล่าถึงความสัมพันธ์และความทรงจำที่มีต่อกันในวัยเด็ก
คุณปานัดฌา: ครอบครัวของเราเป็นครอบครัวที่อยู่รวมกันมาตลอดตั้งแต่เด็ก พวกเราสามคน นอนห้องเดียวกันตั้งแต่เด็กจนโตเลยค่ะ จนกระทั่งถึงตอนแต่งงานพวกเราถึงจะแยกห้องนอนกัน ถึงแม้จะแยกห้องนอนแล้วก็ยังนอนห้องติดกัน และห้องก็ยังทะลุถึงกันด้วยค่ะ (หัวเราะ)
คุณซาบีดา: พูดได้ว่าความไพรเวทระหว่างคู่สมรสไม่มีค่ะ (ยิ้ม) เพราะว่าพี่น้องเราติดกันมากค่ะ เราเหมือนแก๊งค์มินเนี่ยนที่ไปไหนก็เดินตามกันตลอดค่ะ (หัวเราะ)
แต่ละคนมีลักษณะนิสัยและความชอบที่แตกต่างกันอย่างไรบ้าง
คุณปานัดฌา: ชาเป็นพี่คนโตก็ต้องนำน้อง และดูแลน้องมาตั้งแต่เด็กค่ะ นิสัยก็จะมั่นใจเพราะว่าต้องดูแลน้องด้วยค่ะ
คุณซาบีดา: ด้วยความที่เป็นลูกคนกลาง ดีดาจึงติดพี่มากๆ ค่ะ และเป็นคนโลกส่วนตัวสูง แต่ว่าไม่ถึงกับ Introvert ด้วยความที่บทบาทที่ได้รับในครอบครัวทำให้ไม่สามารถเป็น Introvert ได้ (ยิ้ม) ดีดาชอบอะไรที่อาร์ตๆ ชอบการถ่ายรูป และการท่องเที่ยวค่ะ
คุณอัลฑริกา: หญิงเป็นน้องคนเล็กจึงมีความติดพี่ๆ ทำอะไรก็จะถามพี่ทุกเรื่องและปรึกษากันทุกเรื่อง และจริงๆ หญิงเป็นคนชอบท่องเที่ยวนะคะ แต่ตั้งแต่มีลูกก็อาจจะเที่ยวน้อยลงค่ะ (ยิ้ม)
ความเป็นพี่น้องของเรามีผลต่อการสนับสนุนและช่วยเหลือกันในชีวิตอย่างไรบ้าง
คุณอัลฑริกา : สำหรับหญิงการที่มีพี่น้องคือของขวัญที่ดีที่สุด เพราะว่าตั้งแต่เกิดมาก็มีพี่น้องที่คอยซัพพอร์ตกันมาตลอดในทุกๆ เรื่อง ไม่ว่าเราจะเจอปัญหาอะไร พี่น้องก็จะคอยซัพพอร์ตทางใจที่ทำให้เรารู้สึกมั่นคง และมั่นใจที่จะเผชิญปัญหาต่างๆ ได้ค่ะ
คุณมีวิธีการอย่างไรในการรักษาความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพี่น้องและครอบครัว
คุณปานัดฌา: ส่วนหนึ่งที่ต้องรักษาครอบครัวก็คือเราต้องมีความเข้าใจในธรรมชาติของแต่ละคน รู้ลักษณะนิสัยของแต่ละคนว่าเป็นแบบไหน แล้วเราก็จะจัดการกับสิ่งที่เขาเจอและสิ่งที่เราเจอได้ค่ะ
คุณซาบีดา: ด้วยความที่เรารักและมีความหวังดีปรารถนาดีให้แก่กัน มันจะทำให้เราค่อยๆ ซัพพอร์ตกันไปในทุกสเต็ปของชีวิต ไม่ว่าเราจะเจออะไรเราก็จะแชร์เรื่องราวของเราตลอดเวลา ทำให้เรารู้สึกว่าจิตใจเราเข้มแข็ง ถ้าเรามีความเข้มแข็งและอบอุ่นภายในครอบครัวมากพอ เราก็สามารถกล้าออกจากเซฟโซนได้ค่ะ
สิ่งที่ครอบครัวปลูกฝังให้ลูกๆ ทุกคนต้องมี
คุณปานัดฌา: สิ่งที่ชาจำได้เสมอตั้งแต่เด็กจนโต คุณพ่อจะสอนตลอดว่าไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามต้องเป็นคนดีของสังคม เป็นสิ่งที่คุณพ่อเน้นตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะเรียนเก่งหรือสอบตก คุณพ่อจะเน้นเสมอว่าให้เป็นคนดีของสังคมและมีประโยชน์ต่อสังคมค่ะ
คุณซาบีดา: คุณพ่อเน้นเรื่องการเป็นคนดีและความนอบน้อมถ่อมตน คุณพ่อจะเขียนสุภาษิตไว้ที่บ้านและให้ลูกๆ ได้อ่านตั้งแต่เด็กว่า “อ่อนน้อมแต่อย่าอ่อนแอ แข็งแรงแต่อย่าแข็งกระด้าง” ค่ะ
คุณอัลฑริกา: คุณพ่อใช้ศาสนาในการสอนลูกๆ เป็นหลัก เพราะว่าศาสนาจะซึมอยู่ในตัวเรา ทำให้เราแก้ปัญหาหรือเผชิญปัญหาต่างๆ ด้วยความมีสติ อดทน และความเข้าใจเพื่อนมนุษย์และปัญหาต่างๆ ค่ะ
เมื่อแต่ละคนต่างเติบโตและมีครอบครัวแล้ว คุณจัดสรรเวลาให้กับพี่น้องหรือคุณพ่อคุณแม่อย่างไร
คุณปานัดฌา: จริงๆ แล้วเรารวมเวลาทุกอย่างเข้าจุดเดียวกัน เพราะเรามีความเข้าใจกันว่าแต่ละคนมีภาระหน้าที่การงานต่างกัน แต่สุดท้ายก็กลับมาเจอกัน แชร์ปัญหาและดูแลครอบครัวซึ่งกันและกัน เราไม่ได้ต่างคนต่างดูแลครอบครัวตัวเอง แต่ดูแลครอบครัวซึ่งกันและกันค่ะ
คุณอัลฑริกา: เราไม่ได้แบ่งแยกว่าลูกใครเป็นลูกใคร แต่รักเหมือนลูกของเรากันเอง รักหลานเหมือนรักลูกค่ะ
คุณซาบีดา: ด้วยความที่แต่งงานช้าที่สุด ทำให้ดีดาเข้าใจว่าชีวิตเราต้องการคู่ครองแบบไหน สำหรับดีดาคุณพ่อคุณแม่และพี่น้องคือความสำคัญของชีวิต คนที่เข้ามาในชีวิตเราต้องเข้าใจจุดนี้ค่ะ
ณ วันนี้ที่ครอบครัวของคุณประสบความสำเร็จแล้ว คุณมีแผนการหรือโครงการที่ต้องการทำเพื่อสังคมอย่างไรบ้าง
คุณปานัดฌา: ชาดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองอุทัยธานี ทำงานการเมืองและมวลชนอยู่แล้ว และยังเป็นประธานมูลนิธิไทยเศรษฐ์ที่ช่วยเหลือทุกมิติของสังคม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเป็นอยู่ ภัยพิบัติ และการศึกษาค่ะ
คุณอัลฑริกา: สำหรับหญิงนะคะ มูลนิธิไทยเศรษฐ์เป็นสื่อกลางในการช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสและปัญหาโควิดที่ผ่านมา เราใช้มูลนิธินี้ในการช่วยเหลือค่ะ
คุณซาบีดา: มูลนิธิไทยเศรษฐ์เป็นสื่อกลางในการช่วยเหลือ เรานำไปต่อยอดในการช่วยเหลือพ่อแม่พี่น้องประชาชน ไม่เฉพาะในจังหวัดอุทัยธานี แต่กระจายไปทุกพื้นที่ค่ะ
คุณคิดว่าอะไรเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่คุณได้รับจากครอบครัว และต้องการส่งต่อให้กับคนรุ่นต่อไป
คุณปานัดฌา: สิ่งสำคัญที่สุดคือความรักและความผูกพันในครอบครัว มันเป็นเหมือนภูมิคุ้มกัน ไม่ว่าจะเจอปัญหาอะไร ถ้ามีความรักก็จะเผชิญปัญหาไปได้ด้วยดีค่ะ
คุณอัลฑริกา: เมื่อเรารักกัน เราจะไม่เอาเปรียบกัน ต้องมีความเข้าอกเข้าใจกัน เห็นอกเห็นใจกัน ไม่เอาเปรียบกัน มันจะทำให้เรารักกันและผ่านปัญหาไปได้ค่ะ
คุณซาบีดา: ความรักสร้างพื้นฐานความเข้มแข็งภายในจิตใจ นอกจากรักแล้วเราต้องแสดงออกเพื่อให้กำลังใจกันและกัน ต้องอยู่เพื่อดูแลกัน ไม่ว่าพี่น้องหรือครอบครัวจะเจออะไร ต้องพร้อมที่จะซัพพอร์ตและช่วยเหลือกันค่ะ
3 คำ 3 ประโยค ที่ลูกสาวมีต่อคุณชาดา ไทยเศรษฐ์
คุณปานัดฌา: หนึ่งคือคุณพ่อเป็นคนที่ทำเพื่อสังคม สองมีความเข้าใจลูกๆ มากๆ และสามคือ เท่ในสายตาลูกๆ มาตลอดค่ะ
คุณอัลฑริกา: พ่อ บุญ ทุ่ม เพราะว่าทุ่มเทในทุกๆ เรื่อง ทุกๆ บทบาทที่คุณพ่อมีค่ะ
คุณซาบีดา: You are Amazing. ค่ะ
เรื่องราวของสามพี่น้องตระกูลไทยเศรษฐ์เป็นเครื่องยืนยันว่าความรักและความผูกพันในครอบครัวสามารถสร้างความเข้มแข็งและความมั่นคงในชีวิตได้อย่างแท้จริง...
Photo By : VeerapholAuthor By : Arunlak