‘Never Stop Creating’ : คุณเกรียงไกร กาญจนะโภคิน (เมฆ)

‘Never Stop Creating’ : คุณเกรียงไกร กาญจนะโภคิน (เมฆ) ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน)

ถือเป็นเมกะโปรเจ็คท์สุดยิ่งใหญ่แห่งปีที่กลายเป็น Talk of The World กับงานเปิดตัว ‘ไอคอนสยาม’ ซึ่งได้บริษัทออแกไนเซอร์ระดับประเทศมาร่วมกันผนึกกำลังสร้างสรรค์ผลงานครั้งประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะพาร์ทของการแสดงโดรนแปลอักษรสุดล้ำจำนวนกว่า 1,500 ลำ ในแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นที่ไหนมาก่อนนั้น อยู่ภายใต้การดูแลของ ‘Index Creative Village’ บริษัทอีเวนท์ยักษ์ใหญ่ของคนไทยที่ติดอันดับ 7 ของโลก!! Highly Sophisticated ครั้งนี้ เราจึงไม่พลาดที่จะเชื้อเชิญ คุณเมฆ – เกรียงไกร กาญจนะโภคิน ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) มาร่วมพูดคุยถึงแนวคิดการทำงาน และการนำพาธุรกิจให้โลดแล่นในวงการระดับอินเตอร์  

ภาพรวมของ ‘อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ’ เป็นอย่างไร
“ต้องบอกว่าปีนี้คือดีมาก ซึ่งเราก็เพิ่งจบงานเปิดตัวไอคอนสยาม ที่ถือเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นที่ไหนมาก่อน และจริงๆ อินเด็กซ์เองไม่ได้ทำอยู่แค่ในเมืองไทยเพียงอย่างเดียว ทุกวันนี้เรามีอีเวนท์เป็นของตัวเองอยู่ในต่างประเทศ อาทิงานที่กำลังจะเกิดขึ้นเป็นซีรี่ส์ของปีหน้าอย่าง กิโลรัน (KILORUN) เทศกาลงานวิ่งรูปแบบใหม่ที่มีทั้งวิ่งและกินครบในงานเดียว โดยปีหน้าคาดว่าจะมีประมาณ 7 เดสทิเนชั่น เช่นที่ญี่ปุ่น 2 เมือง ฮานอย ไทย 3 – 4 เมือง แล้วเราก็กำลังคุยกับไต้หวันและอาบูดาบี เรียกได้ว่าเราเป็นบริษัทอีเวนท์ของไทยบริษัทเดียวที่บุกแหลก (ยิ้ม) เพราะผมมองว่าถ้าทำอยู่ในเมืองไทยเพียงอย่างเดียวก็เสียดายศักยภาพ เรามีโอกาสทำงานระดับเวิลด์คลาสหลายงาน ไม่ว่าจะเป็น Thailand Pavilion ใน World Expo หรืออื่นๆ คือตอนแรกก็ถามตัวเองนะว่าฟลุคหรือเปล่า แต่พอครั้งที่ 2 ครั้งที่ 3 ก็ยังเวิร์คอยู่ ฉะนั้นก็พิสูจน์ได้อย่างหนึ่งว่า วิธีคิดของเราแตกต่างจากคนอื่น ก็ยิ่งทำให้มั่นใจว่าถึงเวลาที่จะต้องบุกไปต่างประเทศและเราก็บุกมาเป็น 10 ปีแล้ว”

โกอินเตอร์ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ไม่ยากที่จะทำ!  
“อย่างแรกต้องมีแพชชั่น สองคือต้องเลือกที่ที่คิดว่ามีโอกาส เช่นตอนที่เริ่มบุกไปพม่าใหม่ๆ ตั้งแต่สมัยก่อนรัฐบาลของอองซาน ซูจี แผนคือเลือกที่จะบุกป่าฝ่าดงไปถางหญ้า เข้าในจังหวะที่คนอื่นยังไม่ทำ เพื่อช่วงชิงก่อน และหลังจากที่เราใช้วิธีนี้แล้วมันเวิร์ค ก็ลองเปลี่ยนวิธีคิดแบบที่คนอื่นไม่คิดอีก คือบุกไปญี่ปุ่นเลยแล้วกัน เพราะถ้าตีญี่ปุ่นแตกประเทศอื่นก็ง่าย ยกตัวอย่างงานกิโลรันพอได้ทำที่ญี่ปุ่น ประเทศอื่นก็ชวนเราไปทำ ซึ่งวิธีการนี้เหมือนจิ๊กซอว์ในการต่อยอดไปประเทศอื่น แต่ต้องบอกว่าการเปิดตลาดใหม่ในปัจจุบันมีทั้งสิ่งที่ง่ายและยาก เพราะพอเป็นโลกดิจิทัล มีเดียต่างๆ ก็ถูกลง ง่ายขึ้น เร็วขึ้น เราจึงต้องปรับวิธีคิดให้เป็นสากล ต้องทำให้ทุกคนสามารถเข้าใจและเอ็นจอยได้ ที่สำคัญต้องไม่กลัวการเริ่มต้นใหม่ ผมไม่ชอบทำตามใคร ฉะนั้นการที่เราคิดและทำเป็นคนแรกมันก็จะเหนื่อย เพราะมันคือการลองทำ คือการไปบุก”

เมื่อเป้าหมายคือ Try The Best
“Try The Best แล้วมันจะไปถึงจุดไหนก็ไปได้เอง ผมไม่เคยวางแผน แต่ไม่เคยหยุดที่จะมองหาโอกาส เมื่อเห็นแล้วก็กระโดดลงไป พร้อมที่จะเหนื่อย ซึ่งกว่าจะมาถึงจุดนี้บอกได้เลยว่าเหนื่อยมาเยอะมาก และไม่ได้มองว่าถึงตรงนี้แล้วพอใจ เรารู้สึกว่ายังมีสิ่งที่ต้องพิสูจน์ ท้าทาย ยังอยากขยายตัวให้เป็นที่ยอมรับในต่างประเทศมากขึ้นเรื่อยๆ ที่สำคัญวิธีการทำงานของผมคือเป็นแม่ทัพบุกไปข้างหน้า สนุกกับการได้เจอคนนู้นคนนี้ พูดคุยกับลูกค้า เดินทางไปตามที่ต่างๆ มากกว่านั่งอยู่บนออฟฟิศแล้วรอทีมงานมารีพอร์ต เพราะมันทำให้เราได้สัมผัสเอง ซึ่งอาจเห็นในมุมมองที่ลูกน้องไม่เห็น หรือน้องอาจจะเห็นในสิ่งที่เราไม่เห็น ไปดูพร้อมกันก็สามารถแชร์ไอเดียต่างๆ ด้วยกันได้”

My Work is My Life?
“ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะมันไม่สามารถแยกได้ว่าทริปนี้เที่ยว ทริปนี้ทำงาน หรือแม้กระทั่งอยู่บ้าน อยู่ออฟฟิศผมก็คิดเหมือนกันหมด แล้วไอเดียหลายๆ อย่างเกิดจากการนั่งดูทีวี การนั่งพูดคุยกับเพื่อนฝูงแล้วคิดได้ ฉะนั้นมันแยกไม่ออกว่าอะไรคืองาน อีกอย่างผมไม่เคยรู้สึกว่าเราทำงาน ทุกวันนี้อยากตื่น เร่งเวลาให้พระอาทิตย์ขึ้นเร็วหน่อย อยากไปทำงาน เพราะรู้สึกสนุกมาก พูดได้เต็มปากเลยว่า ไม่มีวันไหนที่รู้สึกว่าไม่อยากทำงาน” 

ฝากถึงคนรุ่นใหม่ที่อยากเข้ามาทำงานในวงการนี้
“งานด้านนี้เหมือนสโลแกนของอินเด็กซ์เลยคือ ‘Never Stop Creating’ ฉะนั้นคนที่จะอยู่ในสายอาชีพนี้ต้องชอบจริงๆ ต้องมีแพชชั่น พร้อมเหนื่อย พร้อมลุย ไม่เป็นเวลา ไม่มีวันหยุดที่แน่นอน แล้วก็จะมีปัญหาเข้ามาให้แก้ไขตลอด คนที่รักงานตรงนี้จริงๆ ถึงจะอยู่ได้ ซึ่งถ้าถามว่ามันเป็นอาชีพที่ยั่งยืนไหม บอกเลยว่ายั่งยืน ไม่ได้เป็นอาชีพฉาบฉวย คุณสามารถอยู่ได้ยาวนาน อย่างผมทำงานมา 30 ปี ธุรกิจมันก็โตขึ้นเรื่อยๆ โอกาสก็มีมาเรื่อยๆ ดังนั้นจึงไม่ใช่ทางผ่าน มันเป็นงานที่คุณสามารถเลี้ยงตัวเองได้ เจริญเติบโตได้ ใครที่อยากทำจริงๆ ต้องถามตัวเองก่อนเลยว่ารักอาชีพนี้จริงหรือเปล่า รักที่จะครีเอทสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แล้วลงมือให้สำเร็จเสร็จสิ้น เพราะมันไม่ใช่แค่คิดอย่างเดียว มันต้อง Make It Happen ซึ่งมันยากทั้งคิดและทำ ไม่เหมือนเอเจนซี่โฆษณาที่อาจจะคิดแล้วไปจ้างโปรดักชั่นเฮ้าส์ทำได้ แต่อันนี้ไม่ใช่ คิดเสร็จต้องทำด้วย เพ้อเจ้อไม่ได้”