counters
hisoparty

DO YOUR BEST – Enzo Tarnvanichkul

1 year ago

          ในช่วงที่ผ่านมา หลายๆ คนคงเคยได้เห็นการพาดหัวของหนังสือพิมพ์ หรือเวบไซต์ในแวดวงมอเตอร์สปอร์ตมากมายเกี่ยวกับนักขับรถโกคาร์ทชาวไทย ที่ไปประสบความสำเร็จระดับโลกในวัยเพียง 13 ปี ด้วยการคว้าแชมป์โลกรถคาร์ทรุ่น จูเนียร์ มาครองในฤดูกาล 2022 และล่าสุดยังได้เข้าร่วม ‘Red Bull Racing Junior” ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางสู่ฟอร์มูล่าวัน กับ น้องเอ็นโซ่ – เด็กชายเอ็นโซ่ ธารวณิชกุล เด็กผู้ชายที่เราเห็นแววตาที่มุ่งมั่นบวกกับความมั่นใจของเขามาตั้งแต่เด็กๆ 

          ย้อนไปเมื่อ 6 ปีที่แล้ว น้องเอ็นโซ่ ในวัย 7 ขวบ เคยมีโอกาสมาให้สัมภาษณ์กับ HiSoParty ถึงความฝัน และความเส้นทางในการเป็นนักแข่งรถคาร์ท จำได้ว่าตอนนั้นเขาเป็นนักแข่งที่อายุน้อยที่สุดในทีมที่ประเทศมาเลเซียและมีโอกาสลงสนามมาไม่น้อย โดยสิ่งหนึ่งที่เราเห็นได้ชัดในเวลานั้น คือ หัวใจของนักสู้ ที่จนถึงวันนี้เขายังมีมันอยู่เต็มเปี่ยม และแลดูจะเพิ่มขึ้นจากเดิมอีกหลายเท่าตัว

Love at first sight
          “ผมเริ่มสัมผัสกับพวงมาลัยรถครั้งแรกตั้งแต่อายุ 3 ขวบ จากรถโกคาร์ท ที่ได้มาเป็นของขวัญวันเกิดในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2012 ซึ่งพอได้มาคุณพ่อก็พาไปขับ นั่นเรียกว่าเป็นรักแรกพบของผมเลยครับ”

ความฝันในวัยเด็ก
          “ตอนเด็กๆ ผมฝันอยากเป็นไดโนเสาร์ (หัวเราะ) แต่พอโตขึ้นเริ่มรู้เรื่องหลังจากนั้นผมก็อยากเป็นนักแช่งรถครับ ผมมีความฝันที่อยากขับรถแข่งมาตลอด”

เป้าหมายสูงสุดที่วางไว้
          “แน่นอนว่า Formula 1 คือสิ่งที่อยากไปถึงอยู่แล้ว แต่ที่อยากมากที่สุด ที่ตั้งเป้าหมายไว้คือ อยากทำสถิติใหม่ใน Formula 1 คือ อยากชนะมากที่สุด หรืออยากทำเวลาดีที่สุดครับ”

การแบ่งเวลาในการเรียน และการขับรถ
          “ไม่ยากเลยครับ เพราะหลักๆ ผมแบ่งเวลาให้กับสองอย่างเท่านั้น คือ แข่งรถกับเรียนหนังสือ ซึ่งทำได้ไม่ยากเลยครับ ทุกอย่างมันทำได้ถ้าเราตั้งใจ ความจริงแล้วนอกจากผมขับโกคาร์ท กับไปโรงเรียน ผมยังตีกอล์ฟ ว่ายน้ำ ออกกำลังกาย ทำอาหาร รวมถึงทำอะไรอีกหลายอย่างเลยครับ”

เคยมีช่วงเวลาที่ท้อ?
          “คำถามนี้คนถามตลอดเลย แต่ว่าผมไม่เข้าใจ ท้อคืออะไร จุดนี้เราท้อไม่ได้ (เพราะไม่เคยเจอปัญหาหรือเปล่า) เคยครับ คนอาจจะคิดว่าไม่เคยเจอปัญหา (ปัญหาของเอ็นโซ่คืออะไร) ทุกอย่างเลยครับ เจ็บปวดร่างกาย ขับได้ไม่เร็ว แข่งไม่ชนะ ทุกอย่างเลยครับ (แล้วผ่านมันมาได้อย่างไร) คิดง่ายๆ ว่าถึงจุดนี้แล้ว เราต้องไปต่อ เพราะเรามาได้ขนาดนี้แล้ว วันนี้เราอายุ 13 ปี เราเริ่มต้นจากอายุ 3 ขวบจนมาถึง 13 ปีเราใช้เวลามา 10 ปี เพื่อที่จะแข่งรถ จึงไม่ใช่เรื่องที่อยู่ดีๆ เราจะยอมแพ้ครับ ยกตัวอย่าง เหมือนเราทำอาหาร เราทำข้าวผัด เราเตรียมอะไรทุกอย่างแล้ว และมีอุปสรรคนิดนึง คือมีไข่ชิ้นเล็กๆ ไหม้ ซึ่งเราก็ไม่จำเป็นต้องทิ้งทั้งหมด เราก็แค่เขี่ยสิ่งที่เป็นปัญหาออกแค่นั้นเอง ผมคิดแบบเดียวกันในเรื่องอื่นๆ ด้วยครับ”

สิ่งสำคัญที่ทำให้ประสบความสำเร็จ
          “การฝึกฝนครับ คือยิ่งถ้าเราอายุน้อยกว่าเขา ประสบการณ์น้อยกว่าเขา สิ่งหนึ่งที่ต้องทำอย่างเดียวเลย คือ เราต้องฝึก 10 เท่าตัวเขา เราต้องฝึกให้มากที่สุด เขาอาจจะฝึก 1 ชั่วโมงต่อวัน เราอาจจะต้องวิ่ง 2-3 ชั่วโมงต่อวัน ออกกำลังกายเขาอาจจะออก 2 ชม. เราอาจจะต้องออกำลังกาย 4 - 6 ชม. ผมเชื่อว่าถ้าฝึกฝนเราจะสำเร็จครับ และอีกอย่างที่สำคัญมากๆ คือ การมีวินัย ผมไม่เคยตื่นหลังพระอาทิตย์ขึ้นเลย อย่างเช่น เมื่อคืนผมเดินทางกลับมาจากภาคใต้ ค่อนข้างดึก ถึงบ้านตีสอง เข้านอนตีสองสิบห้า ผมก็ตื่นหกโมงสามสิบ แล้วไปออกกำลังกาย ซึ่งทุกวันนี้ผมตื่นโดยที่ไม่ใช้นาฬิกาปลุกนะครับ ผมใช้นาฬิกาชีวิต ร่างกายเรารู้ เราอาจจะนอนดึก นอนตีสี่ แต่เราก็ตื่นหกโมงครึ่ง มันคือความเคยชิน และค่อยมานอนต่อตอนกลางวันอะไรแบบนี้ เราจะต้องทำอะไรให้มันเป็นแบบแผนของเราครับ”

ความสำคัญของครอบครัว
          “ครอบครัวเป็นทุกอย่างครับ คือ ถ้าครอบครัวไม่สนับสนุนผมก็คงมาถึงวันนี้ไม่ได้ ถ้าเราไม่มีครอบครัวเราก็ไม่ได้อยู่ตรงนี้ การมีครอบครัวสนับสนุน มันคือกำลังใจที่สำคัญมากครับ”

ต้นแบบในการใช้ชีวิต
          “คุณพ่อครับ (คุณทินกร ธารวณิชกุล) คือถ้าทุกคนคิดว่าผมดีหรือผมมีความสามารถใดๆ ก็ตาม อยากให้รู้ไว้ว่าผมน้อยกว่าคุณพ่อ 10 เท่าตัว ตอนคุณพ่ออายุเท่าเอ็นโซ่ เขาก็ทำอะไรมากกว่าเอ็นโซ่เยอะแล้วครับ หากจะนับถือใครมากๆ ที่เป็นแบบอย่างในชีวิตคือคุณพ่อครับ”

คำพูดของคุณพ่อ
          “คุณพ่อมักจะพูดว่า ถึงแม้เราจะชนะ เราชนะมากกว่าได้ อธิบายให้เข้าใจคือ หากเรซนี้เราชนะคนที่ได้ที่สอง 1 วินาที แต่จริงแล้วเราสามารถชนะเขามากว่า 10 วินาทีได้ คือ คุณพ่ออยากให้เราพยายามทำให้ดีที่สุดอยู่เสมอ และดีขึ้นๆ ไป เหมือนมีคนพูดว่า ไม่มีนักกีฬามืออาชีพคนไหน ไม่มีความกดดัน ความกดดันทำให้ชีวิตมีเป้าหมาย และผลักดันตัวเองไปข้างหน้าครับ”\

เวลาที่ผลลัพธ์ไม่เป็นอย่างใจ
          “คิดง่ายๆ ครับ เราแพ้ เราไม่ชนะ คนเขาเยอะเย้ยเรา เราจะให้เขาเยอะเย้ยเราต่อไปหรอ เราก็ต้องสู้ เราจะปล่อยให้เขาทำแบบนั้นไม่ได้ และถึงแม้ผลจะไม่ได้เป็นอย่างที่ใจเราหวังแต่ผมก็ไม่เคยคิดอยากเลิกขับรถเลย ผมมองทุกอย่างเป็นความสนุก และมองสนามใหม่ๆ เป็นสิ่งท้าทายเสมอครับ”

หากมีน้องๆ ที่อยากเป็นแบบเรา
          “ขยัน และซ้อมให้เยอะๆ ครับ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม สามารถใช้ได้กับทุกเรื่องนะครับ คือ เราต้องขยัน และที่สำคัญที่สุดต้องมีวินัยครับ”

Photo By : Pumkiat
Author By : Arunlak

SHARE