counters
hisoparty

‘Prague’ Princess of Europe

12 months ago

          ไม่ใช่ทุกเมืองในยุโรปที่ครบเครื่องเหมือน ‘ปราก’ (Prague) ปรากสวยทุกองศา ทุกอณูเมืองห่มคลุมไว้ด้วยความโรแมนซ์ ทุกอิริยาบถทำให้เมืองนี้สุนทรีย์หาตัวจับยาก ก็ไม่น่าแปลกถ้านักเดินทางจะเทคะแนนให้ปรากคือสุดยอดเมืองน่าเที่ยวในยุโรป ทั้งเมืองเก่า สายน้ำ คือส่วนผสมทำให้ปรากเสน่ห์เหลือล้นจนถูกเอื้อนเอ่ยว่าเป็นราชินีแห่งยุโรป

          และหากจะเริ่มทำความรู้จักกับปราก จงมุ่งหน้าไปหาจัตุรัสเมืองเก่า (Old Town Square) มุมที่เป็นเหมือนห้องรับแขกของปราก และแน่นอนว่าห้องนี้ไม่เคยแห้งแล้งผู้คน ตลอดทั้งวันจะมีนักท่องเที่ยวพากันแห่แหนมายืนรอดูนาฬิกาดาราศาสตร์บนหอคอยของศาลาว่าการเทศบาลเก่า ที่ทุกชั่วโมงจะมีตุ๊กตาโผล่ออกมาบอกเวลา

         ถ้ามาถึงมุมนี้ มองหาคาเฟ่ที่อยู่รายรอบจัตุรัส นั่งชิลล์และชมความวิจิตรตระการของอาคารที่โอบล้อมเมืองเก่า ทั้งพระราชวังสไตล์ร็อกโคโค และศาลาเทศบาลใหม่ อาคารสไตล์อาร์ตนูโวที่เคยเป็นราชสำนักโบราณมาก่อน รวมถึงอนุสาวรีย์ของ Jan Hus นักเทศน์ชาวเชคผู้ต่อต้านการคอรัปชั่นของโบสถ์คาทอลิก ที่อยู่ด้านหน้า Church of Our Lady before Tyn โบสถ์สไตล์โกธิคมียอดแหลม 2 ยอด

         ไม่ไกลจากจัตุรัสเมืองเก่าเท่าไหร่ ปรากยังมีจัตุรัสเวนเซสลาส (St. Wenceslas Square) ที่ถ้าถึงในช่วงแดดร่มลมตกก็จะเป็นอีกมุมหนึ่งของปรากที่คึกคักสุดขีด เพราะชาวเมืองมักจะมานั่งเล่นกันแน่นจัตุรัส โดยมีเซนต์เวนเซสลาส กษัตริย์ของชาวเชค ยืนตระหง่านอยู่บนอนุสาวรีย์
         ไม่ธรรมดาเอาซะเลยสำหรับจัตุรัสเวนเซสลาส แม้ไม่ยิ่งใหญ่เท่าจัตุรัสแดงแห่งรัสเซีย แต่ประวัติศาสตร์หลายหน้าของเชคเกิดขึ้นบนลานแห่งนี้ ชาวเชคและสโลวักเคยอาศัยลานแห่งนี้ เป็นที่ประกาศอิสรภาพจากการปกครองของจักรวรรดิออสโตร-ฮังกาเรียน

         และที่นี่อีกเช่นกัน ที่ชาวเชคเคยใช้เป็นลานแห่งการประกาศต่อต้านการปกครองของรัสเซีย รวมถึงเคยเป็นที่ชุมนุมของผู้ก่อการปฏิวัติเรียกร้องประชาธิปไตย จนสามารถสลัดคราบคอมมิวนิสต์ได้สำเร็จ
         เรื่องราวการต่อสู้เพื่ออิสรภาพครั้งแล้วครั้งเล่าเกิดขึ้นบนลานแห่งนี้ รอยยิ้มและคราบน้ำตาเกิดขึ้นที่นี่
         สมัยก่อนอาจจะมีผู้คนมากมายเสียเลือดและน้ำตา เพื่อแลกกับอิสรภาพแต่ในวันนี้ผู้คนมากมายพร้อมใจกันมาเสียสตุ้งสตางค์ให้กับร้านรวงบนสองฟากฝั่งถนน

         นั่นเพราะถนนช้อปปิ้งสายใหญ่ที่สุดในตัวเมือง อยู่ในย่านจัตุรัสเวนเซสลาสนี่เอง ทั้งร้านค้าแบรนด์เนมและโนเนมตั้งเรียงรายเป็นดอกเห็ด คั่นไว้ด้วยคาเฟ่และร้านอาหารเป็นช่วงๆ
         ช้อปปิ้งบนถนนสายนี้เป็นแค่ออเดิร์ฟ ถ้าเป็นสาวนักช้อปตัวจริงแล้วล่ะก็ ต้องซอกแซกเข้าไปตามตรอกซอกซอยของเมืองเก่าที่อัดแน่นไปด้วยร้านรวงที่น่าช้อปทั้งสิ้น

         หากเดินไปตามตรอกแคบๆ ชายตามองข้าวของในตู้กระจก ก็จะพบว่าหน้าตาเย้ายวนใจเหลือเกิน หากเลาะเลี้ยวไปเรื่อยในซอกซอยของเมืองเก่า ก็จะมาโผล่ตรงตีนสะพานชาร์ลส์ อย่าเพิ่งผลีผลามเข้าหาชาร์ลส ลองหามุมเหมาะหย่อนก้นลงนั่งบนเก้าอี้ไม้ริมแม่น้ำวัลตาวา แล้วคุณจะพบว่ามุมนี้ทำให้คุณเผลออมยิ้มให้ปรากอย่างไม่รู้ตัว

          ลตาวาอาจไม่ใช่สายน้ำแห่งอารยธรรมอันยิ่งใหญ่ของโลกเทียบเท่ากับไนล์ ไม่ได้เป็นแม่น้ำสายประวัติศาสตร์เช่น อิระวดี ที่ไหลเอื่อยทอดผ่านดินแดนเจดีย์สี่พันองค์ ไม่ใช่สายน้ำมีชีวิตอย่างโขง ไม่ใช่สายน้ำเจ้าเสน่ห์อย่างแซนน์ หรือ เทมส์ แต่วัลตาวานี่แหละ ที่ทำให้ปรากดูอบอุ่น งดงาม ไม่ว่าโลกจะเคลื่อนไปอย่างไรไม่ว่าจะเป็นวันที่ปรากบอบช้ำหรือวันที่ปรากร่าเริง วัลตาวายังคงอยู่เป็นเพื่อนปรากทุกเมื่อเชื่อวัน
          พอแดดเริ่มผลิ ผู้คนก็เริ่มขับไสตัวเองออกจากบ้านมานั่งตากอากาศกันริมวัลตาวา และแน่นอนว่าความคึกคักมักติดสอยห้อยตามแสงแดดมาด้วยเสมอ

          เมื่อแดดห่มสะพานชาร์ลสคราวนี้ล่ะ คนยิ่งแน่นสะพาน ชาร์ลส์ต้อนรับทุกคนด้วยรูปปั้นโลหะของเหล่านักบุญ 26 รูป ที่ตั้งอยู่สองข้างสะพาน หากไม่รีบร้อนจนเกินไปลองเดินตามหารูปปั้นของนักบุญเซนต์จอห์น เนโปมุก ที่ว่ากันว่า เป็นรูปปั้นที่เก่าแก่ที่สุดบนสะพาน

          เย็นย่ำไปจนถึงค่ำคืน ชาร์ลส์อวดสีสัน และเต็มไปด้วยชีวิตชีวาและคึกคักสุดขีด ราวกับว่าผู้คนทั้งปรากมากองรวมกันบนสะพานแห่งนี้ ศิลปิน จิตรกรนักดนตรี นักแสดงเร่และร้านรวงมายึดหัวหาดตามสะพาน ที่จริงสะพานข้ามแม่น้ำวัลตาวาในปรากมี 3 แห่ง แต่ไม่มีสะพานไหนที่มีชีวิตชีวาน่ามองเท่าชาร์ลส์อีกแล้ว ไม่เพียงพาดผ่านแม่น้ำวัลตาวา แต่ชาร์ลส์ยังทำหน้าที่เชื่อมระหว่างเมือง 2 ฝั่งของปรากเข้าด้วยกัน
          หากมีเครื่องมือวัดดัชนีความสุข คนที่ใช้ชีวิตป้วนเปี้ยนบนสะพานชาร์ลส์คงมีความสุขพุ่งปรี๊ด

          พอข้ามไปอีกฝั่งหนึ่งของสะพานชาร์ลส ถนนทุกสายมุ่งหน้าไปหาปราสาทปราก (Prague Castle) สิ่งปลูกสร้างที่เติมแต่งให้ปรากสวยสง่าไร้ที่ติ ปราสาทปรากสร้างอยู่บนเนินเขามีกำแพงโอบล้อมตัวปราสาท พระราชวัง โบสถ์ และวิหาร เอาไว้ หนึ่งในนั้นคือมหาวิหารเซนต์ วิตัส ที่ใครต่อใครพากันยกให้เป็นสุดยอดสถาปัตยกรรมแห่งปราก

          เซนต์ วิตัสเป็น โบสถ์เก่าแก่สไตล์โกธิกที่มียอดแหลมๆ พุ่งเสียดแทงขึ้นสู่ฟ้า มากกว่าความยิ่งใหญ่อลังการ ของมหาวิหารแห่งนี้ ยังมีหน้าต่างกระจกสีที่ทุกชิ้นงดงามโดดเด่นจนแทบไม่อยากละสายตา โดยมากเป็นรูปของนักบุญและเรื่องราวเกี่ยวกับศาสนาคริสต์
          ความสำคัญมหาวิหารแห่งนี้ ยังเป็นที่ไว้พระศพของบรรดากษัตริย์ที่สำคัญในอดีต พระศพของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 4 ก็ฝังอยู่ที่นี่ ไม่ได้เก็บศพอย่างเดียว แต่อัญมณีที่ใช้ในพระราชพิธีราชาภิเษกก็ถูกเก็บไว้ในวิหารแห่งนี้ด้วย

          สำหรับชาวปราก เซนต์ วิตัสจึงเป็นสถานที่ที่ความศักดิ์สิทธิ์และศรัทธา ผสานเป็นหนึ่งเดียว
          โดยมากคลื่นนักท่องเที่ยวพอผละจากมหาวิหารเซนต์ วิตัส ก็มักจะเข้าไปกองรวมกันในพระราชวังหลวง (Royal Palace) เพื่อดูที่ประทับของ
เจ้าชายโบฮีเมียนทั้งหลาย
          เดินจากปราสาทปรากไม่ไกล ยังมีตรอกแคบๆ ที่คนแถวนั้นเรียกโกลเด้นเลน (Golden Lane) หรือตรอกทองคำ บ้านช่องห้องหับแถวนี้เล็กกระจุ๋มกระจิ๋ม แถมสีสันเหมือนขนมชั้น เคยเป็นที่พักของทหารรักษาการณ์ประจำปราสาท แต่ต่อมามีพวกช่างทองเข้ามาอาศัย ก็เลยกลายเป็นชื่อตรอกทองคำไปโดยปริยาย

          ปรากยังมีพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ (National Museum) ที่ใครอยากทำความรู้จักประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์ของมนุษย์ และบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์เชค เดินเข้าไปในนี้รับรองไม่ผิดหวัง

          ปรากอาจจะเต็มไปด้วยศิลปวัฒนธรรมอันล้ำค่า แต่หากไม่มีปราสาทปราก สะพานชาร์ลส์ และสายน้ำวัลตาวา คงไม่ต่างจากเมืองในยุโรปที่มีให้เห็นกันอย่างดาษดื่น มาเถอะ จงมาใช้ชีวิตอยู่กับปรากบ้าง พาชีวิตไปอยู่ใกล้สะพานมีชีวิตและสายน้ำมีชีวา แล้วคุณได้กลืนกินความสุขอย่างเอร็ดอร่อย

Story & Photo By กาญจนา หงษ์ทอง


SHARE    

SHARE