“ผมตกผลึก และได้แง่คิดว่า ‘ความหวัง’ เป็นเชื้อเพลิงในการฝ่าฟันวิกฤต ในขณะที่ ‘ความคิดนอกกรอบ’ เป็นเครื่องมืออันทรงพลังที่นำไปสู่ความสำเร็จ และอาจทำให้เห็นโอกาสใหม่ๆ ภายใต้วิกฤตนั้นๆ อีกด้วยครับ”คำตอบที่เต็มไปด้วยพลังดีๆ ที่จุดประกายความหวังให้เกิดขึ้นในใจคนฟังอย่างเรา จากผู้บริหารหมื่นล้านเจ้าของอาณาจักรบิวตี้เจมส์ ซึ่งนอกจากเขาจะมีคุณสมบัติทุกอย่างที่ผู้นำทุกคนพึงมี ภายใต้หน้าที่อันยิ่งใหญ่นั้น เขายังเป็นที่รักของผู้คนมากมาย และพนักงานทุกคนของเขา
‘คุณหนึ่ง - สุริยน ศรีอรทัยกุล’
กรรมการผู้จัดการ บริษัท บิวตี้ เจมส์ จำกัด
“ตอนนี้ผม ดำรงตำแหน่งเป็น กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัทบิวตี้เจมส์ และธุรกิจในเครือกว่า 40 บริษัท ทั้งด้านจิวเวลรี่, สนามกอล์ฟในเครือของ The Royal Gems ทั้งที่ศาลายา และ รังสิตคลอง 6 รวมถึง คอมมิวนิตี้มอลล์ ที่พาร์คเลน เอกมัย และอีกหนึ่งธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ ในเครือของ One Altitude อาทิ One Altitude เจริญกรุง, The One Park เป็นโครงการคอนโด 84 ห้อง, One Forest โครงการบ้านพร้อมสระว่ายน้ำ 38 ยูนิต ท่ามกลางบรรยากาศทุ่งนา และสนามกอล์ฟ และ One Tache โครงการบ้านหรูตากอากาศที่มีลักษณะเป็น Log Home ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากบ้านในแหล่งปลูกไวน์ขึ้นชื่อของฝรั่งเศส โดยไฮไลท์ที่เหมือนกันคือ อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ และติดกับสนามกอล์ฟ ‘เดอะ รอยัล เจมส์’ นอกจากนี้ผมยังดำรงตำแหน่ง ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ปี 2561-2563 และ 2563-2565) ด้วยครับ”
ผลกระทบจากสถานการณ์ของโควิด-19 ที่เกิดขึ้น
“สำหรับวิกฤต COVID-19 ผมยอมรับว่าเป็นอีกวิกฤตที่หนักมากเราผ่านกันมา 2 ระลอกใหญ่ๆ ตั้งแต่มีการ ‘ล็อกดาวน์’ ประกาศปิดห้างสรรพสินค้า และปิดเส้นทางการบินเข้า-ออกประเทศเมื่อครั้งที่แล้ว ทำให้เกิดผลกระทบในธุรกิจด้านจิวเวลรี่อย่างมาก คือ คำสั่งซื้อของบิวตี้ เจมส์ แทบจะหายไปหมด หลังจากนั้นผ่านมาได้ประมาณสามถึงสี่เดือน แม้จะมีคำสั่งซื้อเข้ามาบ้าง แต่ยอดก็ยังหายไปกว่าครึ่งจากปริมาณคำสั่งซื้อในยามปกติ ซึ่งในขณะที่ค่าจ้างพนักงานก็ยังต้องจ่ายอีกทั้งคอมมิวนิตี้มอลล์ และสนามกอล์ฟ ที่เราต้องสนองตามนโยบายของรัฐบาลให้มีการเว้นระยะทางสังคม (Social Distancing) และต้องปรับเวลาเปิด-ปิดทำการในช่วงที่กำหนดเท่านั้น นับว่าเป็นวิกฤตที่ส่งผลกระทบต่อหลายๆ ธุรกิจครับ"
วิธีการรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้น
“เราใช้เวลาประมาณเกือบ 60 วัน ที่จะประคับประคองบริษัทให้อยู่รอด ซึ่งพอเริ่มแก้ไขสถานการณ์ได้ เราก็รีบวางแผนต่อในระยะ 1 ปี ว่าถ้ารายได้หายไปครึ่งหนึ่ง เราก็จะต้องมีแผนที่ชาญฉลาดในการ
ลดค่าใช้จ่ายให้เหลือครึ่งหนึ่งเช่นกัน และเมื่อเปิดประเทศ เริ่มมีเงินสดไหลเข้ามา เราก็ต้องเก็บเงินไว้ใช้ในอนาคต เก็บไว้ใน ‘วันที่ฝนตก’ เพราะไม่มีใครรู้ว่า ประเทศไทยจะเกิดการระบาดแบบนี้อีกกี่ระลอก นอกจากนี้ทันทีที่ห้างร้านสามารถเริ่มเปิดให้บริการได้อีกครั้ง บิวตี้ เจมส์ เป็นหนึ่งในบริษัทที่ตื่นตัวอย่างมากในการจัดอีเวนต์ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการเปิด Flagship Store แห่งใหม่ การจัดอีเวนต์ The Secret Diamond Garden การเปิดตัว ‘หน้ากากเพชร’ หรือการจับมือ ‘กิเลน’ เพื่อรังสรรค์ขนมไหว้พระจันทร์ทองคำ รวมไปถึงการเปิดตัวเครื่องประดับคอลเลกชั่น Adam & Eve ที่จัดขึ้นในบรรยากาศของสวนสวยอันร่มรื่นที่ บ้าปาร์คนายเลิศ ฯลฯ แต่ทั้งหมดทั้งมวลในทุกๆ งานที่ได้จัดขึ้น เราได้สร้างสรรค์ให้เป็นการจัดงานแบบ New Normal คือเว้นระยะห่างเพื่อความปลอดภัยของผู้เข้าร่วมงานเสมอครับ
“แม้ว่าคนส่วนใหญ่ไม่กล้าลงทุนในช่วงวิกฤตนี้ แต่บิวตี้ เจมส์ ในฐานะแบรนด์ไทยที่อยู่คู่คนไทยมานาน การที่เราลุกขึ้นมาจัดอีเวนต์ใหญ่หลายงาน ก็เพื่อตอกย้ำว่า ประเทศไทยกำลังกลับมาฟื้นตัวแล้ว ถึงเวลาที่เราทุกคนต้องมองไปข้างหน้า ก้าวต่อไปได้แล้ว และคนไหนที่พอจะ ‘มีกำลัง’ ก็อยากให้ออกมาจับจ่ายใช้สอย เพื่อช่วยกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้ฟื้นตัวได้โดยเร็วที่สุด พร้อมกับเป็นการสร้างงานสร้างรายได้ให้คนในประเทศ ทำให้คนไทยกลับมามีความหวังและยิ้มได้อีกครั้งครับ”
ข้อคิดที่คุณยึดถือ ในการก้าวผ่านอุปสรรคปัญหาต่างๆ ในชีวิต
“หลักการบริหารของผมวันนี้คือ ใส่ใจเต็มร้อยกับทุกงาน เพราะถ้าหย่อนเรื่องคุณภาพ นั่นไม่ใช่ทางสายกลาง เหมือนข้อสอบมี 100 ข้อ เราต้องทำทั้ง 100 ข้อ ไม่ใช่ทำเผื่อเหลือเผื่อขาดไปเป็น 120 หรือ 150 ข้อ และก็ไม่ใช่ทำแค่ 50 ข้อเพราะนั่นคือทำไม่เต็มร้อย การเดินทางสายกลางคือ พอทำเต็มร้อยแล้ว ผลลัพธ์จะออกมาเป็นเท่าไร ก็แค่ยอมรับมันให้ได้ แล้วปล่อยวาง ต่อให้ทำได้ดี ก็ไม่ต้องดีใจมากหรือทำได้ไม่ดี ก็ไม่ต้องเสียใจนานครับ”
Author By : Arunlak
