ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาในแวดวงของนักชิม คงไม่มีความฮือฮาไหนจะสู้การมาถึงของ ‘Master of Cantonese Roast’ กับ Kam’s Roast ร้านห่านย่างชื่อดังระดับตำนานจากฮ่องกง ที่ได้นำความอร่อยบินตรงมาสู่เซ็นทรัลด์เวิลด์ชั้น 7 ให้คนไทยได้ชิมกันเป็นที่เรียบร้อย แต่สำหรับ HiSoParty ความน่าสนใจไม่ได้หมดเพียงเท่านั้น เพราะเราได้มีโอกาสไปทำความรู้จักกับผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จนี้มาแล้ว และแน่นอนว่าเรื่องราวของเขาและเธอน่าสนใจไม่น้อยหน้าธุรกิจที่ได้ทำเลยกับสองสามีภรรยา คุณเด็ด และคุณชนัตฐา (กุ๊ก) ชินสุภัคกุล
เชื่อว่าหลายคนคงคุ้นชินกับบุคคลทั้งคู่อยู่แล้วเพราะในส่วนตัวคุณกุ๊กเองได้ดำเนินธุรกิจครอบครัวต่อจากคุณแม่กับการเป็นผู้บริหารของโรงเรียนอนุบาล 3 ภาษาบ้านต้นไม้ซึ่งเป็นโรงเรียนที่ได้รับรางวัลพระราชทาน และเป็นโรงเรียนคอนเซ็ปต์สคูลที่มีชื่อเสียงโด่งดังแห่งหนึ่งของเมืองไทย นอกจากนี้คุณกุ๊กยังได้แบ่งเวลาไปช่วยซัพพอร์ตงานเกี่ยวกับร้านอาหารชื่อดังต่างๆ ของคุณเด็ดอีกด้วย โดยแต่ละร้านที่คุณเด็ดดูแลต่างเป็นร้านที่ติดท็อปลิสต์ในใจใครหลายคนเลยทีเดียว...
คุณกุ๊ก: กุ๊กเติบโตมาในครอบครัวที่ทำเกี่ยวกับทางด้านการศึกษาค่ะ คุณพ่อเป็นทหาร (พลเอก อดิศร สุวรรณตรา) แล้วคุณแม่ (ผศ. ดร. ประชุมพร สุวรรณตรา) ทำโรงเรียนมากว่า 40 ปีแล้วส่วนตัวกุ๊กเองกุ๊กก็จบทางด้านการศึกษามาโดยตรง หลังจากเรียนจบมา ก็เข้ามาดูแลเป็นครูใหญ่และผู้รับใบอนุญาตที่โรงเรียนอนุบาล 3 ภาษาบ้านต้นไม้ซึ่งเป็นหนึ่งในโรงเรียนในเครือที่ครอบครัวทำอยู่ และเมื่อแต่งงานก็มีเข้ามาช่วยสามีทำธุรกิจทางด้านร้านอาหารด้วยค่ะ
คุณเด็ด: ส่วนตัวผมทำธุรกิจทางด้านร้านอาหารครับ ผมเริ่มต้นกับเพื่อนๆ ทำเชนร้านอาหารญี่ปุ่น ชื่อร้านซูชิเด็น ตอนนี้มี 20 กว่าสาขาแล้ว นอกจากนี้ผมได้เปิดร้านจัมโบ้ซีฟู้ด ซึ่งเป็นเชนร้านอาหารทะเลจากสิงคโปร์ และล่าสุดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ผมเพิ่งเปิดร้านใหม่ เป็นเชนจากฮ่องกง ชื่อร้าน Kam’s Roast ซึ่งได้มิชลินสตาร์ 1 ดาว 7 ปีติดต่อกันนะครับ และเร็วๆ นี้เรากำลังจะเปิดจัมโบ้ซีฟู้ดสาขาที่ 2 ด้วยครับ”
นอกเหนือจากธุรกิจที่ทำอยู่มีความสนใจในด้านอื่นอีกไหม
คุณกุ๊ก: สำหรับกุ๊กงานหลักคือการดูแลอนุบาล 3 ภาษาบ้านต้นไม้และช่วยคุณแม่ดูแลโรงเรียนในเครือ ก็ค่อนข้างยุ่งมากค่ะ สิ่งที่มีความสนใจทางด้านการศึกษาจริงๆ คืออยากจะขยายโรงเรียนและพัฒนาโรงเรียนให้ได้ดีที่สุดตามดังเป้าหมายเพราะส่วนตัวกุ๊กมีความเชื่อว่าการศึกษาสำคัญต่อมนุษย์มากจึงอยากทำโรงเรียนในแนวคอนเซ็ปท์สคูลรวมถึงอยากจะขยายไปในโซนปริมณฑลมากขึ้นค่ะ
การแบ่งเวลาในการทำงานและการดูแลครอบครัว
คุณกุ๊ก: เรื่องเวลาเป็นสิ่งสำคัญมาก ซึ่งกุ๊กให้ความสำคัญมากที่สุดเลย เพราะว่าตัวเองทำงาน ทั้งในส่วนของตัวเองและส่วนที่ช่วยสามี รวมถึงการดูแลลูกๆ ทั้งสองคนอีก ที่สำคัญลูกทำกิจกรรมเยอะมาก ทำให้หลายคนชอบทักค่ะว่ากุ๊กเลี้ยงลูกผ่านมือถือหรือเปล่า ต้องตอบว่าใช่นะคะ เพราะว่าจริงๆ สมัยนี้ เทคโนโลยีช่วยได้เยอะมาก กุ๊กสามารถเช็คลูกได้ตลอดเวลา อีกอย่างตารางเวลาของลูกกุ๊กทำเองทั้งหมด รวมถึงกุ๊กมีโอกาสได้คุยกับครูสอนพิเศษ ครูดนตรี ครูสอนกีฬาของลูกทุกคนด้วยตัวเอง เพียงแต่ว่าคงไม่ได้ไปนั่งเฝ้าเขาตลอดทุกวัน อาจจะไปดูสัก 10 – 20 นาที ถ้าเป็นไปได้กุ๊กจะจัดสรรเวลาให้ลูกเสมอค่ะ อาจจะเป็นเล่นกีฬาด้วยกันช่วงเย็น หรืออะไรก็ตามเท่าที่เราจะทำได้ ในช่วงกลางวันก็ทำงานต่างๆ ของเรา คือพยายามจะแบ่งเวลาให้ถูกและดีที่สุดค่ะ”
คุณเด็ด: ในความคิดของเรื่องการดูแลลูก ผมต้องยอมรับว่ากุ๊กทำได้ดีมาก ซึ่งผมเองอาจจะไม่ได้มีเวลามาดูแลลูกอย่างใกล้ชิด
แต่ถ้ามีกิจกรรมอะไรที่สำคัญสำหรับลูก อย่างเช่นลูกสาวแสดงคอนเสิร์ตหรือลูกชายมีแข่งเทนนิส พวกเราทั้งสองคนจะไปดูให้ได้ครับ”
เล่าถึงลูกๆ แต่ละคน
คุณเด็ด: สำหรับลูกชายคนโตของเรา (น้องอาชว์ อรุษ ชินสุภัคกุล)ตอนนี้อายุ 13 ปี เรียนอยู่ที่ ISB ครับ ตอนนี้เขาเป็นนักเทนนิสครับ ซึ่งย้อนไปตอนเด็กๆ ผมก็ชอบตีเทนนิสเหมือนกัน พอลูกโตขึ้นมาผมก็ให้เขาเป็นนักเทนนิสด้วย และตอนนี้เขากำลังคัดตัวเยาวชนทีมชาติไทยอายุไม่เกิน 14 ปีครับ”
คุณกุ๊ก: ต้องบอกว่าบ้านนี้ค่อนข้างชอบเล่นกีฬานะคะ พี่เด็ดเองก็เล่นกีฬาแล้วกุ๊กก็ต้องเล่นกีฬาด้วย คือลดความอ้วน ลูกๆ (ยิ้ม) คือเราฝึกให้พวกเขาเล่นกีฬาตั้งแต่เด็ก ลูกชายก็ตีเทนนิส ว่ายน้ำ ลูกสาว (น้องอลิส อลิสา ชินสุภัคกุล) ก็ขี่ม้า ตีกอล์ฟ คือออกไปแข่งแล้วตั้งแต่เด็กๆ เลย เราจะสอนลูกให้รู้จักมีน้ำใจนักกีฬา ในส่วนของเรื่องการเรียน กุ๊กอยากให้เขาทั้งคู่เป็นคนที่มีความรับผิดชอบ ตั้งใจเรียน และระหว่างที่เรียนก็ทำอย่างอื่นไปด้วย เช่น เล่นกีฬา เล่นดนตรี และสิ่งที่สำคัญที่สุดต้องเป็นคนดี กุ๊กพยายามปลูกฝังเขา เราจะคุยกับเขาทุกเรื่อง แนะนำให้เขาเห็นสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นจริงในชีวิต”
นอกเหนือจากการทำงาน การดูแลลูก มีวิธีดูแลตัวเองอย่างไร
คุณกุ๊ก: ต้องบอกก่อนเลยว่ากุ๊กเป็นคนอ้วนง่ายมาก แล้วค่อนข้างเป็นคนตัวใหญ่ กุ๊กจึงพยายามใส่ใจและดูแลเรื่องน้ำหนัก แต่ด้วยความที่เราเป็นคนชอบทาน รวมถึงสามีทำเกี่ยวกับร้านอาหาร เรื่องชิมจึงไม่ต้องพูดถึง ชิมเยอะมาก (ยิ้ม) ชิมทุกเมนู เมนูละหลายๆ อย่าง เพราะฉะนั้นสิ่งที่ทำได้ก็คือเราต้องออกกำลังกาย ต้องหาวิธีออกกำลังกายที่ทำให้ตัวเองทำได้ทุกวัน ซึ่งส่วนใหญ่กุ๊กจะวิ่ง จะเดิน แล้วก็จะตีเทนนิสกับลูก ขี่ม้าบ้าง แล้วก็มีไปตีกอล์ฟ ทำกิจกรรมกับลูกเยอะค่ะ”
คุณเด็ด: ส่วนใหญ่ผมก็จะเล่นกีฬา
ตีเทนนิสกับลูกชาย แล้วก็จะตีกอล์ฟกับลูกสาว และกับกุ๊กครับ”
สิ่งที่ยึดถือในชีวิตประจำวันทุกวันนี้
คุณกุ๊ก: สิ่งที่ยึดมั่นในการทำงาน ส่วนตัวกุ๊กเชื่อว่าการพัฒนาคนเป็นสิ่งสำคัญ เพราะฉะนั้นอย่างคุณครูที่โรงเรียนของกุ๊กเอง เราก็เชื่อว่าการพัฒนาเขาเป็นสิ่งสำคัญ คนที่อยู่นานกุ๊กส่งเรียนหมดเลย ทุกคนต้องมีปริญญาตรีอยู่แล้วเป็นพื้นฐาน และกุ๊กจะส่งเรียนปริญญาโท ใครอยากเรียนให้เรียนเลย เพราะกุ๊กเชื่อว่าการศึกษาสามารถพัฒนาศักยภาพของบุคคล ที่สำคัญเราต้องดูแลเขาให้ดี และถ้าบังเอิญเจอคนที่ยังไม่ใช่ คือหมายถึงว่ายังไม่สามารถที่จะทำงานให้เราได้ เราก็ต้องคุยกับเขา ให้โอกาสเขาพัฒนาตนเอง ถ้าเขายังพัฒนาไม่ได้ก็ต้องคุยกับเขาตรงๆ ว่ามันไม่ถูกต้องนะ มันไม่ใช่ เขาไม่ Belong To Us คือเราก็ต้องเปลี่ยนงาน ฉะนั้นกุ๊กจะคุยกับทุกคนตรงๆ แล้วก็ให้โอกาสคนสำหรับในเรื่องส่วนตัวกุ๊กเชื่อว่าการบริหารจัดการเวลาเป็นเรื่องสำคัญ การเซ็ต Priority ว่าอันไหนสำคัญเราก็ต้องทำก่อน ไล่ไปตามลำดับ แล้วก็ต้องเชื่อว่าทุกอย่างมีทางแก้ไข เพราะว่าปัญหาเกิดขึ้นทุกวันแล้วก็ค่อย ๆ แก้ไปทุกเรื่องค่ะ”
คุณเด็ด: หลักการทำงานนะครับ สำหรับผมผมคิดว่าความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น บางครั้งเราอาจจะลองโปรเจกต์บางอันถูกบ้าง ผิดบ้าง แต่ถ้าเราลุกขึ้นมาแล้วเราสู้กับมัน ผมว่ายังไงเราก็สามารถประสบความสำเร็จได้ครับ”
ต้นแบบการใช้ชีวิต
คุณกุ๊ก: สำหรับกุ๊ก คือคุณแม่ (ผศ.ดร.ประชุมพร สุวรรณตรา) ค่ะท่านเป็นนักการศึกษา เป็นคุณครูมาตั้งแต่เรียนจบ แล้วท่านก็ทำโรงเรียน ท่านเป็นอาจารย์ แล้วท่านก็เลี้ยงดูลูกมาสองคนเหมือนกัน กุ๊กจำได้เลยตั้งแต่เด็กๆ ว่าคุณแม่เป็นคนที่ทำงานหนักมาก และต้องเลี้ยงลูกด้วย ซึ่งบางทีถามว่าเหนื่อยไหม คุณแม่ก็จะคอยบอกว่า ถ้าเหนื่อยเราต้องไม่พูดคำว่าเหนื่อยบ่อย ถ้าเหนื่อย เราก็แค่หลับ ตื่นขึ้นมาเราก็หายเหนื่อยแล้ว เพราะฉะนั้นคุณแม่จะสอนมาตลอดในเรื่องความรับผิดชอบ การรักษาคำพูด แล้วสอนว่าให้พยายามทำให้ดีที่สุดทุกวัน นั่นคือสิ่งสำคัญ กุ๊กเห็นคุณแม่เป็น Role Model ค่ะ รวมถึงเรื่องการแต่งตัวด้วย คุณแม่เป็นคนแต่งตัวเก่ง” (ยิ้ม)
คุณเด็ด: Role Model ของผมมีสองท่าน ท่านแรกคือคุณพ่อ คุณพ่อจะสอนผมตั้งแต่เด็กเลยว่าถ้ามีปัญหาอะไร ต้องแก้ แล้วถ้าเราล้มลงไป เราต้องลุกขึ้นมาสู้ และไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม อยากให้มองเป็น Long-Term Goal ซึ่งผมคิดว่าที่ผมมาถึงทุกวันนี้ เพราะได้คุณพ่อช่วยสอนไว้ ส่วนบุคคลท่านที่ 2 คือคุณแม่ คุณแม่จะสอนตลอดว่า ถ้าเราทำธุรกิจที่ต้องใช้พนักงาน โดยเฉพาะธุรกิจร้านอาหารต้องดูแลพนักงานให้ดี ซึ่งส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมมาได้ในแนวทางนี้ก็เพราะคุณแม่ด้วยครับ”
ครอบครัวชินสุภัคกุล
คุณกุ๊ก: กุ๊กจะบอกกับลูกเสมอว่า เขาคือคนที่จะอยู่ต่อไป เมื่อพ่อแม่ไม่อยู่แล้วในอนาคต แต่เขาจะต้องอยู่ให้ได้อย่างมีความสุขเขาจะต้องเติบโตมาอย่างคนที่แข็งแรงทั้งภายในจิตใจ รวมถึงสุขภาพเขา และให้เขารู้เสมอว่าพ่อกับแม่รัก และหวังดีที่สุด อยากให้เขาเติบโตมาได้อย่างคนที่เข้มแข็ง แข็งแรง เพราะว่าโลกเราถ้ามองไปอีก 20 – 30 ปี ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้น ก็อยากให้เขาอยู่ได้อย่างสมบูรณ์ค่ะ”
คุณเด็ด: ผมเห็นด้วยกับกุ๊กเลยครับ เราสอนให้ลูกทั้งสองคน ให้เขาสามารถอยู่ได้ด้วยตัวเองในอนาคต อีกสิ่งที่ผมพยายามสอนคือให้เขารักกัน เนื่องจากเขามีพี่น้องกันแค่สองคน ก็ขอให้เขารักกัน แล้วอนาคตถ้าเกิดน้องต้องการอะไร พี่ก็ช่วยดูแล หรือถ้าเกิดพี่ต้องการอะไรก็ขอให้น้องสนับสนุนตลอดครับ”
AUTHOR BY ARUNLAK
PHOTO BY VEERAPOL
VDO BY SIRAWIT
VDO EDIT BY CHONTICHA