Mido (มิโด) แบรนด์เรือนเวลาดีไซน์หรูคุณภาพมาตรฐานตามแบบฉบับ Swiss Made ชวนเหล่าเซเลบริตี้คนรักนาฬิการ่วมงาน ‘MIDO Press Presentation Novelty 2019: Lunch Party’ ณ ห้องอาหาร Sra Bua by Kiin Kiin โรงแรมสยามเคมปินสกี้ พร้อมแนะนำนาฬิกาคอลเลกชั่นใหม่ประจำปี 2019 จากแบรนด์มิโด โดยมีนาฬิกาทั้งหมดจำนวน 40 เรือน โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ สามารถตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของหนุ่มสาวชาวไทยได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังได้รับเกียรติจาก มร.ฟรานซ์ ลินเดอร์ (Mr.Franz Linder) ประธานบริหาร มาร่วมแนะนำเรือนเวลาในแต่คอลเลกชั่น อาทิ ‘Multifort Patrimony’ (มัลติฟอร์ท แพทริโมนี) เรือนเวลาที่มีรูปลักษณ์ความร่วมสมัยแต่แฝงด้วยกลิ่นอายในสไตล์วินเทจ โดดเด่นด้วยหน้าปัดสีน้ำเงินเข้มแบบโดม มาพร้อมกับการขัดแต่งลวดลายแบบซันเรย์ที่มีความประณีต ซึ่งให้สัมผัสแบบแตกต่างอย่างสุดขั้วกับตัวเรือนทรงกลมที่ผลิตจากแสตนเลส สตีล ขัดแต่งแบบซาตินและแบบเงา โดยมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของตัวเรือนอยู่ที่ 40 มิลลิเมตร จับคู่กับสายหนังสีคอนยัค (Cognac) มีสเกลวัดแบบ Pulsometer ถูกวางเอาไว้ที่ขอบของหน้าปัดใช้สำหรับการวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ขณะที่ตรงตำแหน่ง 6 นาฬิกาบนหน้าปัดมีการเจาะช่องเอาไว้สำหรับแสดงวันที่ พร้อมครอบทับหน้าปัดด้วยกระจกทรงเหลี่ยมจากแซฟไฟร์ (Sapphire) ทำหน้าที่ในการปกป้องชุดหน้าปัด ด้านเข็มชั่วโมงและเข็มนาทีถูกขัดแบบไดมอนคัทที่มีรูปทรงแบนเรียบนั้นช่วยให้ ‘มัลติฟอร์ท แพทริโมนี’ เปรียบเสมือนตัวแทนที่แสดงให้เห็นถึงความสง่างามอย่างคลาสสิกในอดีต ขณะเดียวกันก็สามารถสัมผัสกับความงดงามของเข็มนาฬิกาและหลักชั่วโมงบนหน้าปัด ซึ่งได้รับจากการเคลือบสารเรืองแสงแบบซูเปอร์-ลูมิโนวา (Super-Luminova) คือตัวแทนของเรื่องราวที่ทันสมัยในยุคปัจจุบัน
ถัดมาที่คอลเลกชั่น ‘Commander Big Date 60th Anniversary Limited Edition’ (คอมมานเดอร์ บิ๊ก เดท ลิมิเต็ด อิดิชั่น) นาฬิการุ่นพิเศษที่ผลิตขึ้นมาอย่างจำกัดเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 60 ปี ของคอลเลกชั่นอันเป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์อย่างรุ่น ‘คอมมานเดอร์’ ที่มีความโดดเด่นด้วยช่องแสดงวันที่หรือ Date ที่มีขนาดใหญ่อยู่ตรงตำแหน่งที่ 6 บนหน้าปัด ถือเป็นรุ่นนาฬิกาออโตเมติกอันสง่างาม ซึ่งยังคงงานดีไซน์ตามแบบฉบับของรุ่นคอมมานเดอร์ไม่เสื่อมคลาย ด้วยหน้าปัดขนาดใหญ่ ที่มีจุดบอกเวลาเป็นตัวเลขแบบขีด ผลิตโดยช่างฝีมือทำนาฬิกาชั้นสูงที่ผสานกลไกทรงประสิทธิภาพอย่าง Caliber 80 ด้วยพลังงานสำรองยาวนานกว่า 80 ชั่วโมง เมื่อเทียบกับกลไกนาฬิกามาตรฐานทั่วไปที่มีระยะเวลาเพียง 42 ชั่วโมง
สำหรับคอลเลกชั่น ‘Rainflower’ (เรนฟลาวเวอร์) คือนาฬิกาคอลเลกชั่นสุดพิเศษสำหรับสุภาพสตรี ที่มาพร้อมรูปลักษณ์ที่สะท้อนถึงความหรูหราเหนือกาลเวลา โดยการออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจจากพิพิธภัณฑ์อาร์ตไซน์ (ArtScience) ประเทศสิงคโปร์ ด้วยรูปทรงของอาคารที่มีลักษณะคล้ายดอกบัวบานสีขาวลอยอยู่บนผืนน้ำ และสามารถรองรับน้ำฝนที่ตกลงมาจากฟ้าพร้อมนำไปใช้ประโยชน์ได้ ผนวกกับเส้นสายการออกแบบของสถาปัตยกรรมที่มีความทันสมัย ถือเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงเรือนเวลาของ ‘มิโด’ ซึ่งมีเส้นสายการออกแบบที่เฉียบคมและทันสมัยบนตัวเรือนทรงกลม ที่ผสานความโค้งมนของลวดลายดอกบัวบนหน้าปัดได้อย่างงดงาม
โดยภายในงานนอกจากแขกทุกท่านจะได้ร่วมชมเรือนเวลาหรูจากแบรนด์ ‘มิโด’ อย่างใกล้ชิด พร้อมรับประทานอาหารกลางวันท่ามกลางบรรยากาศสุดเอ็กซ์คลูซีฟร่วมกันแล้ว ยังได้ให้เกียรติมาเผยถึงเคล็ดลับการเลือกนาฬิกาในสไตล์ของตนเอง เริ่มต้นที่สาวร่างเล็ก คุณหฤทัย ไชยันต์ ณ อยุธยา เผยว่า “ส่วนตัวจะเน้นสวมนาฬิกาเวลาที่ต้องออกงานสำคัญ เพราะเรามองว่านาฬิกานั้นเป็นเครื่องประดับอย่างหนึ่งที่จะช่วยเสริมบุคลิกให้ดูโดดเด่นขึ้นได้ โดยจะเลือกนาฬิกาที่มีดีไซน์สวยหรูเข้ากับชุด จะเป็นพวกนาฬิกาสายสแตนเลสสตีล หรือสายหนังโทนสีเข้ม อย่างสีดำหรือสีน้ำตาล ตัวเรือนเล็กๆ ขนาดพอดีกับข้อมือ มีหน้าปัดตกแต่งด้วยไข่มุกหรือเพชรก็จะช่วยขับลุคให้เราดูดีมากขึ้น ส่วนการดูแลนาฬิกาในแบบฉบับของเราเอง คือไม่ควรทำให้เปียกน้ำ จะเน้นเช็ดทำความสะอาดทันทีหลังจากใส่เสร็จ และเก็บในที่แห้ง ที่สำคัญจะหลีกเลี่ยงการใส่นาฬิกาหรูออกไปทำกิจกรรมแนวผจญภัย เพราะกลัวมีรอยขีดข่วนได้ง่าย”
ถัดมาที่เวิร์คกิ้งวูแมนสาวเก่ง คุณณชา จึงกานต์กุล เล่าว่า “ด้วยการทำงานของเราที่ต้องมีการดูแลธุรกิจในหลากหลายด้านมีทั้งการประชุมงาน เดินทางออกไปดูหน้าร้าน ก็มักจะเน้นเลือกสวมเสื้อผ้าและเครื่องประดับที่มีความสะดวกสบายคล่องตัว โดยนาฬิกาที่เลือกต้องสามารถใส่แล้วเข้าได้กับทุกชุด รวมทั้งถูกต้องตามกาลเทศะด้วย ตั้งแต่การทำงาน ประชุม พบลูกค้า หรือออกไปสังสรรค์ก็ยังสวมใส่ได้ โดยจะเป็นนาฬิกาที่มีดีไซน์หรูแต่คงความคลาสสิกด้วยสายหนังโทนสีดำหรือสีน้ำเงินเข้ม ด้านหน้าปัดอาจจะประดับด้วยเพชรหรือพลอยสีก็จะช่วยดึงดูดความสนใจ ซึ่งการดูแลนาฬิกาของเราก็ให้ความสำคัญไม่แพ้กัน ก็จะหลีกเลี่ยงการทำหล่นพื้น พร้อมหากล่องใส่นาฬิกาที่มีเบาะวางนุ่มๆ และเก็บในพื้นที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก”
ต่อมาที่หนุ่มเท่ คุณหมูตั้ง - ม.ล.อรรถดิศ ดิศกุล เผยว่า “เวลาที่เรามองหานาฬิกาคู่ใจสักเรือนต้องเลือกจากดีไซน์ที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ตัวตนของเรา อย่างตัวเราเองเป็นคนที่มีไลฟ์สไตล์ลุยๆ ชอบเที่ยวผจญภัย ก็จะมองนาฬิกาที่นอกจากจะมีดีไซน์สวยเท่เข้ากับตัวเองแล้ว ก็จะดูจากคุณภาพที่มีความทนทาน ทนแรงกระแทก และกันน้ำได้ดี เพราะกิจกรรมที่ชอบทำก็มีทั้งทางบกและทางน้ำ โดยจะเลือกเป็นสายยางหรือสายสแตนเลสสตีล ด้านหน้าปัดอาจจะมีการตกแต่งเสริมขอบหน้าปัดด้วยขอบเบเซิลใช้จับเวลาหรือวัดระยะทางได้ และต้องกันน้ำได้ดีด้วย ส่วนการดูแลของเราหลังใส่เสร็จก็ใช้ผ้าชุบน้ำบิดหมาดๆ มาเช็ดตัวเรือนและสายนาฬิกา และไม่เก็บใกล้บริเวณที่มีแม่เหล็ก เพราะแม่เหล็กมีผลเสียกับการทำงานของนาฬิกา”
ปิดท้ายที่หนุ่มนักธุรกิจ คุณชนินทร์ เตรัตนชัย เล่าว่า “ส่วนตัวเวลาทำงานต้องมีออกไปพบปะลูกค้า ซึ่งนอกจากการแต่งตัวที่ดูดีและถูกกาลเทศะแล้ว ก็จะเลือกสวมนาฬิกาเพื่อช่วยเสริมลุคให้เราดูสมาร์ทมีความน่าเชื่อมากยิ่งขึ้น โดยนาฬิกาที่เลือกสวมจะต้องมีดีไซน์คลาสสิก เป็นนาฬิกาสายสแตนเลสสตีลสีเงิน มีขนาดหน้าปัดที่ใหญ่พอดีกับข้อมือ และอาจจะมีลูกเล่นเป็นนาฬิกาที่บอกวันที่ได้ด้วย ซึ่งนาฬิกาสายสแตนเลสนี้ นอกจากจะใส่ทำงานได้แล้ว ยังสามารถสวมออกกำลังกายได้ เวลาที่โดนเหงื่อก็สามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่าย ไม่ต้องดูแลเยอะเท่าพวกนาฬิกาสายหนัง ซึ่งตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของเราเป็นอย่างยิ่ง”
Author By : Daruwan.C