๑๓ ตุลาคม ๒๕๖๔ ครบรอบ ๕ ปี ที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ สวรรคต แม้พระองค์ท่านจะไม่ได้อยู่ตรงนี้ แต่พระบรมราโชวาทของพระองค์ที่มอบให้แก่พวกเราชาวไทยในหลากหลายเรื่องนั้น ยังคงเป็นสิ่งที่เราหลายคนนำมาปฏิบัติในชีวิตประจำวันเสมอทั้งด้านความคิดในการทำงาน ครอบครัว และการใช้ชีวิต
โดย HiSoParty ขอน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ด้วยการนำเสนอบทสัมภาษณ์ของบุคคลหลากหลายอาชีพ หลากหลายวัย ที่ได้นำหลักคำสอนของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ไปใช้ในการดำเนินชีวิต และทำให้เขาประสบความสำเร็จมาถึงทุกวันนี้...
ม.ล.รจนาธร ณ สงขลา
หลักคำสอนของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ที่น้อมรำลึกถึงเสมอ...
‘พระองค์ท่านคือ ศิลปินผู้ยิ่งใหญ่’
“ด้วยความที่ดิฉันเป็นคนทำงานศิลปะ อยู่กับงานศิลปะมาทั้งชีวิต ในความรู้สึกของดิฉัน พระองค์ท่านคือ ศิลปิน พระองค์ท่านทั้งทรงดนตรีได้ไพเราะ ทรงวาดรูปได้สวยงาม ซึ่งสิ่งหนึ่งที่สังเกตได้ชัด คือพระองค์ท่านทรงเป็นศิลปินที่เพียว (บริสุทธิ์) สร้างสรรค์ผลงานด้วยจิตใต้สำนึก ผลงานของพระองค์ท่านสามารถแสดงออกถึงเรื่องราวต่างๆ ที่อยู่ในใจของท่านได้อย่างละเอียดอ่อนแม้กระทั่งเพลง หรือภาพที่พระองค์ท่านทรงวาด สีที่ทรงใช้แสดงให้เห็นว่า พระองค์ท่านมีเลือดของคนไทยแต่ได้เติบโตที่ยุโรป เพราะฉะนั้นในการใช้สี จะไม่ใช่สีของคนไทยทีเดียว และการใช้เส้นหรือการวาดพู่กัน พระองค์ท่านทรงมีความมั่นใจสูง และละเอียดอ่อนมาก ซึ่งไม่ว่าพระองค์ท่านทรงตั้งใจทำอะไร จะมีเหตุผลที่รองรับในสิ่งที่ทรงทำเสมอ และการที่พระองค์ท่านทรงเป็นพระมหากษัตริย์ ทั้งชีวิตของพระองค์ได้ทุ่มเทเพื่อให้คนไทยได้มีกินมีใช้ สิ่งนี้คนไทยทุกคนเป็นที่ทราบกันดี ซึ่งสำหรับดิฉันนอกจากการเป็นพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่แล้ว พระองค์ทรงเป็นศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ด้วย และด้วยความที่ครอบครัวของเราทำงานด้านศิลปะจึงสามารถพูดได้ว่าพวกเราถือเป็นเกียรติอย่างสูงสุดที่ได้เกิดมาใต้ร่มพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ซึ่งทั้งสองพระองค์ทรงเป็นศิลปิน ที่ยิ่งใหญ่ในความรู้สึกของดิฉันค่ะ”
ม.ล.ปิยาภัสร์ ภิรมย์ภักดี
หลักคำสอนของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ที่น้อมรำลึกถึงเสมอ...
‘การดำรงชีวิต ต้องปรับปรุงตัวตลอดเวลา...และทุกคนควรรู้จักหน้าที่ของตนเอง’
“ด้วยดิฉันเป็นนักเรียนของโรงเรียนจิตรลดา ซึ่งในปีที่เรียนจบ มศ.๕ ปี ๒๕๒๓ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ได้เสด็จพระราชดำเนินมาในงานปิดภาคเรียนของโรงเรียน แล้วได้พระราชทานพระราชดำรัสแก่ครูและนักเรียนว่า “การดำรงชีวิตที่ดีจะต้องปรับปรุงตัวตลอดเวลา การปรับปรุงตัวจะต้องมีความเพียรและความอดทนเป็นที่ตั้ง ถ้าคนเราไม่หมั่นเพียร ไม่มีความอดทน ก็อาจจะท้อใจไปโดยง่าย เมื่อท้อใจไปแล้ว ไม่มีทางที่จะมีชีวิตเจริญรุ่งเรืองแน่ๆ...” สิ่งนี้คือใจความสำคัญของพระบรมราโชวาทที่มอบให้กับพวกเราทุกคนตอนนั้น และอีกสิ่งที่ดิฉันยึดถือเป็นสิ่งสำคัญคือ การที่คนเราต้องรู้จักหน้าที่ของตนเอง พระองค์ท่านทรงเป็นแบบอย่างของการรู้จักหน้าที่ของตนเอง และทรงทำหน้าที่ของตนอย่างดีที่สุด พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ของเรา พระองค์ท่านไม่บกพร่องในหน้าที่ไม่ว่าจะแง่มุมใดๆ ในบทบาทของการเป็นลูก พระองค์ท่านเป็นลูกที่ดีของสมเด็จพระบรมราชชนนีซึ่งเป็นที่รู้กันทุกคนว่าพระองค์ท่านเป็นลูกที่กตัญญูในหน้าที่ของการเป็นสามีของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระองค์ท่านทำได้ดีมาก ซึ่งเราทุกคนรับรู้ ความรักของพระองค์ท่านไม่เคยทำให้เราผิดหวังเลย ในหน้าที่ของการเป็นพ่อ ทูลกระหม่อมทุกพระองค์ก็ได้รับความรักการดูแลอย่างดีจากพระองค์ท่าน หรือในฐานะคนไทย ชายไทย พระองค์ท่านก็ทรงบวชเรียน คือทรงทำทุกอย่างหน้าที่ของพระองค์ท่านไม่บกพร่องอะไรเลยนะคะ
“ฉะนั้นดิฉันจึงยึดถือสิ่งที่เห็นจากพระองค์คือ การรู้จักหน้าที่ของตนเอง ถ้าเราทุกคนรู้จักหน้าที่ของเราก็จะเป็นสิ่งที่ดี หน้าที่ในการเป็นคนไทยสนองพระเดชพระคุณของพระองค์ท่าน ใครมีหน้าที่อะไรก็ทำหน้าที่ของตนเองให้เต็มที่ ใครเป็นนักเรียนก็ตั้งใจเรียนให้ดี ใครทำงานเป็นข้าราชการก็รับราชการให้ดีทำงานเพื่อประชาชน ถ้าทุกคนรู้จักหน้าที่ของตนเองดำเนินตามรอยพระองค์ท่าน พร้อมกับพัฒนาตัวเอง บ้านเมืองเราก็จะเจริญไม่มีปัญหา แม้ที่สุดแล้วเราเองอาจจะทำได้ไม่เท่ากับสิ่งที่พระองค์ทรงทำ แต่ตัวดิฉันเองก็ตั้งใจที่จะทำให้ได้ และจะตั้งใจทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุดในแบบที่เราจะทำได้ค่ะ”
คุณหญิงชดช้อย โสภณพนิช, คุณดลิน โสภณพนิช ยังพิชิต
หลักคำสอนของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ที่น้อมรำลึกถึงเสมอ...
‘การดำรงชีวิตที่ดีจะต้องปรับปรุงตัวตลอดเวลา การปรับปรุงตัวจะต้องมีความเพียรและความอดทนเป็นที่ตั้ง ถ้าคนเราไม่หมั่นเพียร ไม่มีความอดทน ก็อาจจะท้อใจไปโดยง่าย เมื่อท้อใจไปแล้ว ไม่มีทางที่จะมีชีวิตเจริญรุ่งเรืองแน่ๆ’
“คุณแม่เลี้ยงดูมาให้อิสระทางความคิด การตัดสินใจหลายอย่าง อยากเรียนอะไร อยากทำงานอะไร คุณแม่จะแค่คอยอยู่ข้างๆให้กำลังใจ ให้คำแนะนำ และย้ำเสมอว่าถ้าจะทำอะไรต้องมุ่งมั่นศรัทธาในสิ่งนั้น และต้องทำให้สำเร็จ ไม่ทำอะไร ครึ่งๆ กลางๆถ้าเรามีความตั้งใจ มุ่มมั่ง ไม่ย่อท้อ ทุกอย่างเราจะผ่านมันไปได้ และจะทำได้สำเร็จแน่นอน แม้ในบางครั้งต้องเสียใจ ต้องผิดหวังถ้าเรามุ่งมั่นก็จะฝ่าฟันไปได้ในท้ายที่สุด เช่นเดียวกับที่คุณแม่ได้สร้างโครงการตาวิเศษ ซึ่งมาจากใจรัก มุ่งมั่น ตั้งใจ และที่สำคัญคือศรัทธาในงานจึงทำให้ตาวิเศษเป็นที่รู้จัก จนมาถึงปัจจุบันค่ะ”
คุณวิวรรณ บุณยประทีปรัตน์
หลักคำสอนของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ที่น้อมรำลึกถึงเสมอ...
Still..in our hearts
เมื่อน้อมรำลึกในคำสอนของพระองค์ท่าน คงยากที่จะบอกได้ว่าเป็นคำสอนใดคำสอนหนึ่ง....
ตลอดชีวิต..ที่เติบโตมาตั้งแต่รู้ความ ได้เห็นพระราชกรณียกิจของพระองค์ท่าน ในการเสด็จพระราชดำเนินไปยังพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศ ได้เห็นถึงพระราชปณิธานของพระองค์ท่านที่จะพัฒนาชาติ...พัฒนาคน พัฒนาแผ่นดินของท่าน นำความเจริญในทุกๆด้านเข้าสู่พื้นที่...ถนนหนทาง สาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน โรงเรียน วัด โรงพยาบาล สร้างอาชีพ ปลูกฝังคุณธรรมและความพอเพียง เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนของประเทศชาติ
สิ่งที่ทรงทำในทุกๆเรื่องนั้น ทรงทำด้วยหัวใจทั้งสิ้น เพราะพระองค์เข้าใจดีถึงคุณค่าของความรักและความซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ คนไทยทั้งหลายรู้สึกเชื่อมโยงถึงพระองค์ท่านได้ก็เพราะสิ่งนี้สิ่งที่ท่านทำ...ด้วยความอดทน ด้วยความเพียร ไม่ย่อท้อต่อปัญหาและอุปสรรคด้วยความเสียสละ ตั้งใจที่ดีต่อแผ่นดินและพสกนิกรของท่านตลอดพระชนม์ชีพ...ท่านทำให้ดู...อยู่ให้เห็น...เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของ
“ทุกข์ของพระราชา...ทุกข์ของแผ่นดินคือทุกข์ของท่าน” ประชาชนของท่านกว่า 60 ล้านคน ร้อยพ่อพันแม่ ต่างมุมมอง ต่างความคิดเห็น มีทั้งคนรัก คนชัง ท่านก็อดทน ไม่เคยท้อแท้ ไม่ละความเพียรพยายาม รู้จริง ทำจริง เพื่อให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไป ทำให้เราซึมซาบ... หล่อหลอมความคิด ทัศนคติ เป็นกำลังใจ... เป็นแรงบันดาลใจให้เราได้ในทุกๆ เรื่องที่ผ่านมาเข้ามา... ทั้งชีวิตส่วนตัวหรือในการทำงาน...
เนื่องจากธุรกิจของครอบครัว ต้องเกี่ยวข้องกับผู้คนมากมายในพื้นที่...ทั้งพนักงาน เกษตรกร ชาวบ้านในชุมชน ปัญหาและอุปสรรคมีมากเป็นธรรมดา ทั้งจากธุรกิจเอง จากภัยธรรมชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือปัญหาจาก “คน” และคนส่วนใหญ่ย่อมคิดเสมอว่า “ปัญหาของตนยิ่งใหญ่ดั่งขุนเขา” สติปัญญาก็จะลดลงและหายไป ความทุกข์และอารมณ์ก็จะเข้ามาแทนที่ การแก้ปัญหาก็จะเต็มไปด้วยอคติซึ่งอาจนำมาซึ่งความขัดแย้งและปัญหาใหม่ แต่เมื่อนำมาเทียบกับปัญหาของพระองค์ท่าน ทุกข์ของเราเหลือเพียงนิดเดียว...
ดังนั้นทุกๆ ครั้งที่พบเจอปัญหา สิ่งที่ท่านทำให้เราเห็นมาตลอดชีวิต หล่อหลอมให้เรามีความอดทน พยายาม เข้าใจ เห็นอกเห็นใจคนอื่นมากขึ้น สติและปัญญาก็มีมากขึ้นตามกันไป ทำให้เราสามารถเผชิญหน้ากับปัญหาและอุปสรรคต่างๆด้วยความเข้าใจ และนำพาองค์กรของเราอยู่ร่วมกับชุมชนรอบข้าง ด้วยหน้าที่และความรับผิดชอบต่อส่วนรวมด้วยความสามัคคี เอื้อเฟื้อเกื้อกูลกัน ดูแลทุกข์สุขกันร่วมมือร่วมใจช่วยเหลือสังคมเท่าที่จะทำได้ในทุกๆด้าน ทั้งการให้โอกาสทางการศึกษา การสนับสนุนช่วยเหลือโรงพยาบาลในสิ่งที่ขาดแคลน การทำนุบำรุงศาสนา ช่วยสร้างซ่อมถนนหนทาง อ่างเก็บน้ำ เพื่อสาธารณะประโยชน์...ไม่สร้างปัญหาความเดือดร้อนให้กับใครๆ ปัญหาใหญ่ๆก็เล็กลง...ปัญหาเล็กๆก็หายไป...ความร่มเย็นและเป็นสุขของสังคมก็บังเกิด...
ขอน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ... คุณความดีของพระองค์จะสถิตอยู่ในดวงใจของปวงข้าพระพุทธเจ้า... ตราบนิรันดร์
คุณสุพรทิพย์ ช่วงรังษี
หลักคำสอนของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ที่น้อมรำลึกถึงเสมอ...
‘การพอเพียง’
“เนื่องจากเป็นคนที่ไม่ค่อยพอดี ไม่มากไปก็น้อยไป ครั้งแรกที่ฟังท่านรับสั่งเรื่องพอเพียง ได้แต่คิดว่าเราทำไม่ได้แน่ แต่พอฟังพระองค์ท่านทรงอธิบาย ดิฉันก็พอเข้าใจแม้อาจคลาดเคลื่อนบ้าง ตีความเองได้ว่า ความพอเพียงแต่ละคนไม่เท่ากันคือเอาความพอดีและใช้ชีวิตอยู่บนความพอดี ที่เพียงพอต่อการดำรงชีวิต ดิฉันเห็นว่าถ้าแบบนี้น่าจะพอปฏิบัติได้ ดังนั้นเวลาจะทำสิ่งใดก็จะคิดถึงหลักคำสอนนี้ ที่ผ่านมาสิ่งใดที่เรายึดหลักนี้ผลคือ เราไม่ทุกข์เหมือนเดิม มีความสบายใจมากขึ้น ในเรื่องธุรกิจเองก็ยึดหลักคำสอนนี้ ทำให้รอดปลอดภัยมาได้ในวันนี้ เพราะไม่ทำอะไรที่เกินพอดี ชีวิตจึงพอดี
“ดิฉันสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ และคิดเสมอว่าดิฉันโชคดีที่เกิดมาใต้พระบารมีพระองค์ท่าน”
คุณพลพัฒน์ อัศวะประภา
หลักคำสอนของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ที่น้อมรำลึกถึงเสมอ...
‘ความพอเพียง’
‘ความรู้คู่คุณธรรม’
‘ความกตัญญูรู้คุณ’
“ความจริงแล้ว คำสอนของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ในเรื่องต่างๆ นั้นมีอยู่มากมายเลยครับ ซึ่งคำสอนที่ผู้คนน่าจะเข้าใจง่ายที่สุดและผมคิดว่าเป็นพื้นฐานของทุกอย่าง เป็นหัวใจสำคัญต่อการใช้ชีวิต หนึ่งคือเรื่องของความพอเพียง เพราะว่าจริงๆ การรู้จักพอเพียงเป็นสิ่งที่จะทำให้เราเข้าใจธรรมชาติของการใช้ชีวิตได้ แล้วในคำว่าเศรษฐกิจพอเพียงนั้นประกอบไปด้วยองค์ประกอบหลายๆ อย่างที่มีความเชื่อมโยงเกี่ยวกับความเป็นพุทธศาสนา ซึ่งสุดท้ายแล้วหลักธรรมต่างๆ เหล่านี้เป็นหลักธรรมที่คนน้อมนำไปใช้ในชีวิตและนำมาซึ่งการทำให้เขาเข้าใจชีวิต แล้วก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขจริงๆ
“สิ่งที่สองคือความรู้คู่คุณธรรม ในสังคม ณ วันนี้ เราอาจจะพูดถึงเรื่องความเก่ง การประสบความสำเร็จเยอะมาก โดยที่เราลืมคิดไปว่า สุดท้ายแล้วสิ่งที่ควรมาควบคู่กันคือการเป็นคนดีมีคุณธรรม นั่นเป็นสิ่งที่คนน่าจะไตร่ตรองดู และหาแง่มุมที่จะนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อชีวิต การที่เราใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า นอกจากจะเป็นประโยชน์กับตัวเราเอง การนำสิ่งต่างๆ เหล่านี้มาเป็นประโยชน์ต่อสังคมที่มันกว้างออกไปก็เป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่าลืมว่าสิ่งที่สำคัญของมนุษย์คือความดีนะครับ
“และอีกเรื่องหนึ่งที่ผมเอาไว้สอนตัวเองอยู่เสมอคือ เรื่องของความกตัญญูรู้คุณ เพราะสุดท้ายมนุษย์จะเจริญไม่ได้ถ้าเราไม่รู้จักความกตัญญูรู้คุณของผู้ที่มีพระคุณกับเรา ไม่ว่าจะเป็นคุณพ่อคุณแม่ ไม่ว่าจะเป็นชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ผมว่าความกตัญญูเป็นธรรมเบื้องต้น ที่นำมาซึ่งความเจริญงอกงามในชีวิต ผมจึงคิดว่าทุกเรื่องที่พระองค์ทรงสอนล้วนเป็นสิ่งสำคัญ”
คุณนันทมาลี ภิรมย์ภักดี
หลักคำสอนของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ที่น้อมรำลึกถึงเสมอ...
‘ความซื่อสัตย์’
‘อ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอ’
‘คนเราจะต้องรับและให้’
“เรื่องของความซื่อสัตย์ ในการทำงานนั้น เป็นคุณสมบัติแรกที่บิ๋งจะเลือกพนักงานให้มาทำงานด้วย และเป็นคุณสมบัติสำคัญในการเติบโตไปด้วยกันในองค์กร ที่สำคัญความซื่อสัตย์ต่อคนที่เรารัก หรือคนรอบข้างก็จะนำไปสู่ความไว้ใจความเชื่อมั่น และความมั่นคงค่ะ
“ความอ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอ บิ๋งใช้คำสอนนี้ในการเป็นผู้บริหารหญิง เราต้องคงความอ่อนโยนไว้เสมอ แต่ในการบริหารงานก็ต้องหนักแน่น และเข้มแข็งในการเผชิญอุปสรรค และการแก้ปัญหาต่างๆ
“และสุดท้าย คือการเป็นผู้รับและผู้ให้ ในการที่เราประสบความสำเร็จในชีวิต เราจะต้องไม่ลืมผู้มีพระคุณ ตั้งแต่คุณพ่อคุณแม่ รวมถึงคนที่ให้การสนับสนุนเรามา และพร้อมคืนกลับให้สู่สังคมเสมอค่ะ ซึ่งทุกคำสอนของพระองค์ท่าน จะสถิตในดวงใจ และการดำเนินชีวิตของบิ๋งตลอดไป”
คุณสุริยน ศรีอรทัยกุล
หลักคำสอนของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ที่น้อมรำลึกถึงเสมอ...
‘ความอุตสาหะ ทุ่มเท’
‘การเป็นผู้รับ และผู้ให้’
“ตั้งแต่จำความได้ ผมจะเห็นพระราชกรณียกิจอันมากมายของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ที่พระองค์ได้ทรงทุ่มเทพระวรกาย และความอุตสาหะ เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน ผมยึดถือความตั้งมั่นและความอุตสาหะของพระองค์ มาเป็นแรงฮึดในการทำงานและอีกหนึ่งคำสอนที่ยึดถือมาตลอดคือการเป็นทั้งผู้รับและผู้ให้ คนเราจะเอาแต่ได้ไม่ได้ คนเราจะต้องรับและจะต้องให้หมายความว่า ต่อไปและเดี๋ยวนี้ด้วยเมื่อรับสิ่งของใดมา ก็จะต้องพยายามให้กลับไปให้ได้มากที่สุดครับ
“ในด้านการทำงานผมได้น้อมนำคำสอนของพระองค์มาปรับใช้เช่นกัน พระองค์เคยมีบรมราโชวาทว่า “เมื่อมีโอกาสและมีงานทำ ควรเต็มใจ ทำโดยไม่จำเป็นต้องตั้งข้อแม้ หรือเงื่อนไขอันใด ไว้ให้เป็นเครื่องกีดขวาง คนที่ทำงานได้จริงๆ นั้น ไม่ว่าจะจับงานสิ่งใด ย่อมทำได้เสมอ ถ้ายิ่งมีความเอาใจใส่ มีความขยัน และความซื่อสัตย์สุจริต ก็ยิ่งจะช่วยให้ประสบผลสำเร็จในงานที่ทำสูงขึ้น” สิ่งนี้เป็นคำสอนของพระองค์ที่ผมนำมาปฏิบัติใช้กับการดำเนินชีวิต และธุรกิจให้ประสบความสําเร็จครับ”
ดร.นภัสนันท์ พรรณนิภา
หลักคำสอนของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ที่น้อมรำลึกถึงเสมอ...
'ตั้งเป้าหมาย' และ 'ความเพียร'
“ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอย่างหาที่สุดมิได้ จึงได้น้อมนำหลักคำสอนของพระองค์ท่านมาปรับใช้ในชีวิตอยู่เสมอ แต่หลักคำสอนที่จดจำได้แม่นยำและได้ใช้อยู่ตลอดคือ 'การตั้งเป้าหมาย' และ 'ความเพียร' ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิตหรือการประกอบธุรกิจ สิ่งสำคัญที่ต้องมีเป็นอันดับแรกๆ คือ รู้จักการตั้งเป้าหมายให้แก่ตัวเอง ตั้งเป้าหมายให้แก่หน้าที่การงานเป้าหมาย ทำให้เรารู้จักขอบเขต และคิดวิธีการที่จะก้าวไปสู่ผลสำเร็จของเป้าที่ตั้งไว้
“ทั้งนี้ อีกสิ่งที่จะทำให้บรรลุเป้าหมายได้อย่างงดงามและอาจจะรวดเร็วก่อนกำหนด นั่นคือ 'ความเพียร' ความพยายาม อดทน ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค เมื่อมีทั้งสองสิ่งประกอบกัน เริ่ม 'ตั้งเป้าหมาย' และใช้ 'ความเพียร' เป็นแรงขับเคลื่อนและมุมานะ ไม่ย่อถอยก็เท่ากับเรานั้นได้กำความสำเร็จไว้แล้วเกินครึ่งค่ะ”
Still On My Mind สถิตอยู่ในใจตราบนิรันดร์ ๒ | Still On My Mind สถิตอยู่ในใจตราบนิรันดร์ ๓