๑๓ ตุลาคม ๒๕๖๔ ครบรอบ ๕ ปี ที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ สวรรคต แม้พระองค์ท่านจะไม่ได้อยู่ตรงนี้ แต่พระบรมราโชวาทของพระองค์ที่มอบให้แก่พวกเราชาวไทยในหลากหลายเรื่องนั้น ยังคงเป็นสิ่งที่เราหลายคนนำมาปฏิบัติในชีวิตประจำวันเสมอทั้งด้านความคิดในการทำงาน ครอบครัว และการใช้ชีวิต
โดย HiSoParty ขอน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ด้วยการนำเสนอบทสัมภาษณ์ของบุคคลหลากหลายอาชีพ หลากหลายวัย ที่ได้นำหลักคำสอนของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ไปใช้ในการดำเนินชีวิต และทำให้เขาประสบความสำเร็จมาถึงทุกวันนี้...
คุณรัชชต เศรษฐ์วรเดช, ด.ญ.นันท์นภัสร์ เศรษฐ์วรเดช
หลักคำสอนของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ที่น้อมรำลึกถึงเสมอ...
‘คนเราจะต้องรับและจะต้องให้’
“คำสอนของพ่อที่จริงแท้ และเมื่อนำมาปฏิบัติกลับให้ความสุขใจกับเรามากมาย เกิดมาเราได้รับความรักจากพ่อแม่ได้รับความอบอุ่นจากครอบครัว ได้รับการศึกษาจากครู ได้รับโอกาสมากมายหลายสิ่งในชีวิต ก็เพราะมีผู้ให้ แนนจึงเล็งเห็นเสมอว่าเราจะเป็นผู้รับอย่างเดียวไม่ได้ เราจำเป็นต้องรู้จักเป็นผู้ให้ ซึ่งเราสามารถทำได้ทุกวัน ให้โอกาส ให้อภัย ให้ความหวังดี ให้กำลังใจ แนนยึดหลัก ยิ่งให้ยิ่งได้เสมอ และมีความสุขกับการให้โดยไม่หวังผลตอบแทน คำสอนนี้แนนก็นำไปปลูกฝังลูกด้วยเช่นกัน ให้เขารู้จักคุณค่าของการเป็นผู้รับ และรู้จักความยิ่งใหญ่ของการเป็นผู้ให้ เพื่อให้เขานำไปเป็นหลักในการใช้ชีวิตอย่างหนึ่งค่ะ”
คุณนิรมล จิรปิติ
หลักคำสอนของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ที่น้อมรำลึกถึงเสมอ...
‘มีความจริงใจทำการใดก็สำเร็จ’
“ดิฉันทำธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องแต่งกาย มีหน้าที่ปรับบุคลิกภาพดึงจุดเด่น เสริมจุดด้อย ทำให้ลูกค้าสวยงามจากภายในสู่ภายนอกทำงานด้วยความจริงใจ กับทั้งสังคมลูกค้า และพนักงาน เป็นผลให้ดำเนินชีวิตอย่างมีความสุขและประสบความสำเร็จในด้านธุรกิจค่ะ”
คุณปรัน ปราชญ์เมธีกุล
หลักคำสอนของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ที่น้อมรำลึกถึงเสมอ...
‘คนเราจะต้องรับและจะต้องให้...’
“น้องได้น้อมนำหลักคำสอนข้อนี้มาปฏิบัติ ในการดำเนินชีวิตประจำวัน ไม่ใช่แค่ในเรื่องของการทำงาน การดูแลพนักงานในบริษัท แต่รวมไปถึงครอบครัว พี่น้องลูกหลาน ให้เขารู้จักคำว่า ‘ให้’ การรับความหมายคือการนำเข้า เข้ามาเรื่อยๆถ้าเปรียบกับคลอง น้ำไหลเข้ามาเรื่อยๆ วันหนึ่งน้ำก็จะเต็มคลอง น้ำใหม่ก็จะไหลเข้ามาไม่ได้อีกทีนี้น้ำก็จะนิ่ง นานวันน้ำนิ่งก็จะกลายเป็นน้ำเน่า ถ้าเราไม่มีการระบายออก ซึ่งการระบายออกคือการให้นั่นเอง คำว่า ‘ให้’ ไม่ใช่แค่การให้นะคะ แต่ความหมายของการให้คือ PAY IT FORWORD ต้องส่งต่อการให้นี้กับผู้อื่นด้วย เพราะการให้แบบส่งต่อเป็น Key หัวใจหลักของการให้อย่างแท้จริง คือรอยยิ้ม คือความสุข ส่วนการ ‘รับ’คือผลพลอยได้จากการให้ น้องสอนตัวเองเรื่องนี้ตลอดเวลาค่ะ”
คุณสุวีณา เตชะประเสริฐวิทยา
หลักคำสอนของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ที่น้อมรำลึกถึงเสมอ...
‘การทำดีนั้นทำยาก และเห็นผลช้า แต่จำเป็นต้องทำ…’
“เมื่อได้อ่านครั้งแรกรู้สึกกระแทกใจเลย และตัดสินใจนำมาใช้ในชีวิตประจำวันทันที เพราะเป็นความจริงว่าการทำสิ่งไม่ดีนั้นแค่ชั่วขณะลมหายใจก็สามารถทำได้ทันที ไม่ได้หมายถึงแค่การกระทำแต่รวมถึงความคิดที่เกิดขึ้นในเรื่องนั้นๆ มุ่ยนำมาใช้ในเรื่องการไม่ตัดสินผู้อื่น และมองหลายๆ มุม เพราะการคิดไม่ดีนั้นมันง่ายมาก ทุกวันนี้ความดีได้ทำไหม ก็ไม่แน่ใจ แต่คิดดี ได้แน่ๆ และการกระทำก็จะออกมาดีด้วยค่ะ”
คุณปุณณภา เตชะโรจน์กุล
หลักคำสอนของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ที่น้อมรำลึกถึงเสมอ...
การทำงาน... “เมื่อมีโอกาส และมีงานทำ ควรเต็มใจทำโดยไม่จำเป็นต้องตั้งข้อแม้ หรือเงื่อนไขอันใด ไว้ให้เป็นเครื่องกีดขวาง คนที่ทำงานได้จริงๆ นั้น ไม่ว่าจะจับงานสิ่งใด ย่อมทำได้เสมอ ถ้ายิ่งมีความเอาใจใส่ มีความขยัน และความซื่อสัตย์สุจริตก็ยิ่งจะช่วยให้ประสบผลสำเร็จในงานที่ทำสูงขึ้น” …’
“ดิฉันได้ระลึกถึงพระบรมราโชวาทนี้เสมอ ซึ่งเป็นคำสอนที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ได้พระราชทานไว้ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร ของวิทยาลัยเทคโนโลยี และอาชีวศึกษา เมื่อวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๓๐ และได้น้อมนำมาใช้ในชีวิตการทำงานจนถึงทุกวันนี้
“การดำเนินชีวิตในยุคปัจจุบันเราจำเป็นต้องรักษาความเอาใจใส่ต่อทุกๆ อย่างที่เราทำเสมอ เพราะการเอาใจใส่คือ เปรียบเสมือนความใสใจ ที่เราจะรับผิดชอบความละเอียดในทุกๆ ขั้นตอนของการดำเนินชีวิต จริงๆ ไม่ใช่เพียงเรื่องนี้ ที่พระองค์ท่านได้ทรงดำริมีอีกหลายๆ เรื่องที่เรานำมาปรับใช้ เพราะพระองค์ท่านทรงเป็นพระมหากษัตริย์นักพัฒนา ที่เราได้สัมผัสทั้งการมองเห็น ได้ยินสิ่งที่พระองค์ท่านทรงได้กระทำ ทำให้เราเห็นภาพจดจำ และระลึกถึงอยู่เสมอ”
คุณฐิตินันท์ เกียรติไพบูลย์
หลักคำสอนของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ที่น้อมรำลึกถึงเสมอ...
‘หนึ่ง คือความพอเพียง สอง คือ ความเพียรพยายาม สาม คือ พูดจริงทำจริง’
“สำหรับความพอเพียงนั้นในหลวงรัชกาลที่ ๙ ได้ตรัสมาตลอดช่วงยุคสมัยของท่าน ส่วนตัวเชื่อว่าความพอเพียงถ้าเรารู้จักความต้องการของเราไม่โลภมากไม่มักใหญ่ใฝ่สูงจนเกินความสามารถของตน เราก็จะไม่เบียดเบียนคนอื่น เราเองก็จะมีความสุข เมื่อเรามีความสุขสังคมรอบข้างของเรามีความสุขมันก็จะดีไปหมดทุกอย่างรวมถึงประเทศด้วยค่ะ
“สำหรับความเพียรพยายามอันนี้แน่นอนถ้าเราคิดอยากทำสิ่งใดให้สำเร็จเราจงต้องใส่ความพยายาม ความอดทน เข้าไปให้มากอย่าเพิ่งท้อถอยหรือล้มเลิกกลางคัน ความสำเร็จที่เราจะได้นั้นมันขึ้นอยู่กับแรงความเอาใจใส่ และความพยายามที่เราทำนั่นเอง
“สำหรับการพูดจริงทำจริงคิดว่าเป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน การที่เราให้สัจจะอะไรกับใครไว้และเราสามารถทำได้ตามสิ่งที่เราพูด ผลลัพธ์ที่เกิดนอกจากความสำเร็จแล้วเรายังได้ใจ และได้รับการนับถือจากคนที่เราให้สัจจะไว้ด้วย ในทางกลับกันถ้าเราไม่แน่ใจในสิ่งที่เราจะพูดหรือสิ่งที่เราจะทำเราไม่ควรไปให้สัจจะกับใครไม่ควรไปให้ความหวังกับใครการพูดสำคัญมากค่ะมันจะแสดงออกถึงวุฒิภาวะและความสามารถของเราด้วย
“และอีกหนึ่งเรื่องคือ เรื่องความซื่อสัตย์ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญไม่แพ้เรื่องอื่นๆ ความซื่อสัตย์ไม่ว่าจะเป็นการซื่อสัตย์ต่อตัวเอง ซื่อสัตย์กับคนรอบข้างหรือแม้แต่คนที่มีตำแหน่งหน้าที่ก็ควรจะซื่อสัตย์กับตำแหน่งหน้าที่และความรับผิดชอบที่ได้รับมอบหมาย หากเราไม่ซื่อสัตย์สังคมเราจะอยู่ไม่ได้ และที่สำคัญเด็กๆ ที่จะเติบโตมาเป็นคนรุ่นใหม่ของประเทศถ้าเขาไม่ได้เห็นตัวอย่างที่ดีของผู้ใหญ่ที่ซื่อสัตย์อีกหน่อยประเทศเราจะเดินไปไม่ได้ค่ะ ไม่มีการพัฒนา เพราะทุกคนไม่ซื่อสัตย์ต่อกัน คิดหาแต่ผลประโยชน์ของตน
“แน่นอนทั้งสาม พ. คือความพอเพียง ความเพียรพยายาม พูดจริงทำจริง รวมถึงเรื่องสุดท้ายการซื่อสัตย์นำมาปรับใช้ให้กับองค์กรได้แน่นอนการทำธุรกิจถ้าเรารู้ศักยภาพของธุรกิจของเราเราจะเติบโตได้อย่างยั่งยืนเราจะไม่ลงทุนเกินตัวเราจะไม่หากำไรเกินความเป็นจริงคนในองค์กรจะอยู่ได้อย่างมีความสุข เราสอนให้ทุกคนพยายามทำในสิ่งที่ตัวเองต้องทำให้ดีที่สุด และให้ทุกคนมีสัจจะในสิ่งที่เสนอผู้บริโภค Brand ของเราก็จะเป็นที่นับถือและเราจะได้รับ Brand Loyalty จากผู้บริโภคเป็นของขวัญแน่นอน
“สุดท้ายความสามัคคีถ้าเกิดความสามัคคีในองค์กรทั้งผู้บริหารระดับสูงผู้บริหารระดับกลางรวมถึงพนักงานทั่วไปองค์กรจะเติบโตอย่างยั่งยืนเช่นกันค่ะ เพราะเราเชื่อว่าความสามัคคีเป็นบ่อเกิดแห่งความรักความเอาใจใส่ดูแลซึ่งกันและกันของคนในองค์กร และในองค์กรใดที่เราพบเห็นความรักของคนในองค์กร เชื่อว่าองค์กรนั้นจะเป็นองค์กรที่ได้รับความชื่นชม และประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืนค่ะ”
คุณปวิตา โตทับเที่ยง
หลักคำสอนของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ที่น้อมรำลึกถึงเสมอ...
‘อยู่อย่างพอเพียง’
‘การรับผิดชอบในหน้าที่ของตนเอง’
“ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความพอเพียง หรือการรับผิดชอบในหน้าที่ของตนเอง อาจจะดูเหมือนเป็นเรื่องที่เล็กน้อยนะคะ แต่แอร์ว่าเป็นสิ่งที่ใช้ได้จริง เราควรนำมาสอนลูกหลานของเราให้เป็นเกราะคุ้มกันเขาไปจนโต เพื่อที่ไม่ว่าเขาจะไปอยู่ที่ไหนเขาก็จะไม่ลำบาก เพราะเขาจะไม่ฟุ้งเฟ้อ และรู้จักคิดเวลาใช้เงิน การอยู่อย่างพอเพียง คือความสุขอยู่ที่ตัวเรา อยู่ที่ความคิดของเราค่ะ เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะทำอะไรอยู่ที่ไหนเจอเพื่อนแบบไหนเขาก็จะสามารถอยู่ได้อย่างมีความสุขด้วยตัวของตัวเอง ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสิ่งภายนอก แล้วก็จะทำให้เขามองคนจากจิตใจจริงๆ
“การรู้จักหน้าที่ของตัวเอง และรับผิดชอบในหน้าที่ของเรานั้น เหมือนท่านจะสอนเสมอว่าไม่ว่าคุณจะอยู่ในสถานะใด คุณจะเป็นบุคคลใหญ่โต เป็นบุคคลระดับไหนทุกคนสำคัญเท่ากัน เพราะฉะนั้นให้เห็นความสำคัญกับสิ่งที่ตัวเองเป็นแล้วทำงานตรงนั้นให้ดี ถ้าทุกคนคิดแบบนี้ได้ก็จะทำให้ประเทศชาติ หรือว่าองค์กรต่างๆ ประสบความสำเร็จ เพราะว่าคุณเห็นความสำคัญกับหน้าที่ของตัวเอง ทำงานโดยโฟกัสที่ตัวเอง ไม่ได้ไปโฟกัสที่คนอื่น คือแค่คุณตระหนักได้ว่าวันนี้คุณทำหน้าที่ของคุณได้ดีแล้วหรือยัง องค์กรหรือประเทศชาติก็จะเดินหน้าไปได้พร้อมๆ กัน มันก็จะเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทุกอย่างมันขับเคลื่อน และแม้แต่ครอบครัวเล็กๆ ของเราก็เหมือนกันถ้าทุกคนรู้จักหน้าที่ของตัวเอง และรับผิดชอบทำให้มันดีที่สุดทุกอย่างก็จะเดินไปข้างหน้า คือเราโฟกัสสิ่งที่มีอยู่แล้วทำมันออกมาให้ดีที่สุดค่ะ”
คุณภูภณ พัฒนสุวรรณ
หลักคำสอนของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ที่น้อมรำลึกถึงเสมอ...
‘การทำดี ทำยาก เห็นผลช้า แต่จำเป็นต้องทำ’
“จิ๊บเติบโตมาในครอบครัวที่มีความรักและเทิดทูนในหลวงรัชกาลที่ ๙ มาก ทำให้เราได้ซึมซับสิ่งเหล่านี้มาตั้งแต่เด็ก อีกอย่างบ้านที่หัวหินของจิ๊บอยู่ไม่ไกลจากพระราชวังไกลกังวล และเคยมีโอกาสได้เห็นพระองค์ไกลๆ ทำให้มีความรู้สึกสัมผัสได้ถึงว่าพระองค์อยู่ไม่ไกลจากเราและกลายเป็นความผูกพันที่เรามีต่อพระองค์ ส่วนตัวจิ๊บมีโอกาสได้ฟังพระบรมราโชวาทต่างๆ มามากมายจากการดูโทรทัศน์ หรือจากคุณแม่ทื่ได้นำมาปฏิบัติ แต่สำหรับตัวจิ๊บเอง สิ่งที่ชอบที่สุด และนำมาปรับใช้กับตัวเองคือ เรื่องของการทำดี เราต้องไม่เหนื่อยที่จะทำความดี และต้องเข้มแข็งในความดีของเรา จิ๊บรู้สึกว่าในการทำกิจกรรมต่างๆ หรือในการทำงานทุกๆ อาชีพ ที่ต้องมีบุคคลที่สาม สี่ ห้า อะไรก็ตามที่ต้องเกี่ยวข้องกับผู้อื่น เราต้องมีความดี เป็นส่วนประกอบเสมอแม้คุณจะทำงานเก่งแค่ไหน แต่ถ้าคุณขาดความดี งานนั้น อาชีพนั้นก็จะไม่ยั่งยืน แม้จิ๊บจะไม่ได้ทำงานอะไรมากมาย แต่ทุกอย่างหากจิ๊บได้ทำหรือต้องเกี่ยวข้องกับคนอื่นๆ จิ๊บก็จะยึดมั่นในการทำความดี ไม่เอาเปรียบใคร จิ๊บทำในส่วนของจิ๊บให้ดี ต่อให้ทำไปแล้วบางคนไม่เห็นคุณค่า แต่จิ๊บก็จะทำในสิ่งที่จิ๊บคิดว่ามันดีและเหมาะสม ทำทุกอย่างบนพื้นฐานของความดีครับ”
คุณบุญปวีณ บุญมีโชติ
หลักคำสอนของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ที่น้อมรำลึกถึงเสมอ...
‘การทำดีนั้นทำยากและเห็นผลช้า แต่ก็จำเป็นต้องทำ เพราะหาไม่ความชั่ว ซึ่งทำได้ง่ายจะเข้ามาแทนที่ และจะพอกพูนขึ้นอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันรู้สึกตัว’
‘สุจริต ซื่อตรง รักษาสัจจะ’
“ผมได้นำสองสิ่งนี้มาใช้ในชีวิตประจำวันทุกวัน และนำมาใช้ในการทำงานได้ด้วย ซึ่งหากเป็นการทำงาน ก็ต้องเพิ่ม Vision เข้าไปโดยที่เราต้องมองอนาคตให้ออก บริหารคนให้ได้ แต่การจะทำอะไรนั้น ต้องเริ่มจากความคิดที่ดี โปร่งใส และ สุจริต เป็นพื้นฐาน ผมเชื่อว่าความคิดดีๆ พลังบวก เป็นพลังแม่เหล็กดึงดูดซึ่งกันและกัน หากเราเป็นคนดี เราก็จะเจอคนดีๆ ในชีวิต เวลาเราประสบความสำเร็จ เราก็ต้องช่วยคนที่ต้องการความช่วยเหลือบ้าง ช่วยเหลือคนที่เขาไม่มีโอกาสแบบเรา คืนและแบ่งปันให้กับสังคมบ้าง จะมากหรือน้อยตามกำลังเราสิ่งเหล่านี้น่าจะทำให้สังคมเราดีขึ้น”
ดร.วิชเรศ บุญจิตต์พิมล
หลักคำสอนของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ที่น้อมรำลึกถึงเสมอ...
‘การสร้างสรรค์ตนเอง การสร้างบ้านเมืองก็ตาม มิใช่ว่าสร้างในวันเดียว ต้องใช้เวลา ต้องใช้ความเพียร ต้องใช้ความอดทน เสียสละ…’
“ผมมักนึกถึง และยึดหลักคำสอนในเรื่องความเพียร ความพยายาม เพื่อใช้ในการดำเนินชีวิต การที่คนเราจะทำอะไรสักอย่างให้ประสบความสำเร็จไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตามนั้น ผมคิดว่าต้องใช้ความพยายาม ความตั้งใจ และความอดทน เพื่อให้ไปได้ไกลถึงเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการเรียน หรือการทำธุรกิจก็เช่นกัน คือแน่นอนว่าเราต้องใช้ความเพียรเพื่อเริ่มต้นและสานต่อเป้าหมายของเราให้สำเร็จ แต่นอกจากหลักตรงนั้นแล้ว เราก็ต้องมีความอดทนเพียงพอที่จะเดินหน้าอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะสำเร็จ เพราะว่าส่วนใหญ่ความสำเร็จไม่ได้เกิดขึ้นทันทีหรือชั่วข้ามคืน แต่เป็นผลจากความพยายามอย่างต่อเนื่องของเราเป็นระยะเวลานาน
“ยกตัวอย่างกับธุรกิจที่ตัวผมสร้างขึ้นเองจากศูนย์ เช่นร้าน Sushi Ichizu ก็ต้องยึดในความพยายามและความอดทน ตามหลักของในหลวงรัชกาลที่ ๙ เป็นอย่างมากกว่าจะสามารถทำให้ร้านมีชื่อเสียง และเป็นที่ยอมรับในหมู่นักกิน กับธุรกิจครอบครัว ซึ่งเป็นการสานต่อการบริหารเครือโรงพยาบาล ก็ต้องใช้ความเพียรในการเรียนรู้ระบบ เรียนรู้วิธีการบริหารจากคุณพ่อคุณแม่ เพื่อที่จะมารับช่วงต่อในตรงนี้ครับ”
Still On My Mind สถิตอยู่ในใจตราบนิรันดร์ ๑ | Still On My Mind สถิตอยู่ในใจตราบนิรันดร์ ๒