counters
hisoparty

นฐนน ศิริมงคลสกุล : 22 Young Visionaries

8 hours ago

เพราะเชื่อว่าคนรุ่นใหม่ควรมีความฝัน เธอจึงเริ่มต้นเปลี่ยนตัวเองจากเด็กสาวขี้กลัว พร้อมก้าวออกจาก Comfort Zone กระโจนเข้าไปทำในสิ่งที่ตัวเองรัก จนได้เป็น Executive Director ทำละครเวทีในประเทศอังกฤษ ทำหน้าที่ควบคุมกระบวนการทำงานทุกอย่าง ตั้งแต่การทำโปรดักชันไปจนถึงการดูแลด้านไฟแนนเชียล ซึ่งนั่นก็ทำให้เธอได้เรียนรู้ทักษะใหม่ๆ ที่จะสามารถนำไปต่อยอดความฝันที่จะกลับมาพัฒนาด้าน Performance Design ในประเทศไทย

ชีวิตวัยเด็ก
          หนูเรียนชั้นมัธยมศึกษาที่โรงเรียนสาธิตนานาชาติมหิดล (MUIDS) จากนั้นไปเรียน Extended diploma ด้าน Art and Design ที่ Cambridge School of Visual & Performing Arts ที่อังกฤษอีก 2 ปี หลังจากนั้นก็เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัย Central Saint Martin สาขา Performance Design and Practice ประเทศอังกฤษ ตอนนี้กำลังจะขึ้นปี 2 แล้วค่ะ
          หนูเป็นเด็กค่อนข้างหัวแข็ง ไม่ชอบอะไรหนูก็ไม่ทำเลย เหมือนที่หนูไม่ชอบเรียนหนังสือ ไม่ชอบเรียนเลข ไม่ชอบเรียน academic วิทยาศาสตร์ คุณพ่อคุณแม่เห็นว่าหนูไม่ชอบด้านนี้ เลยแนะนำให้ลองไปเรียนวาดภาพ เรียนเต้น พอเห็นว่าหนูชอบ ท่านก็สนับสนุนมาตลอด
          คุณพ่อคุณแม่ค่อนข้างจะปล่อยฟรีสไตล์เลยค่ะ แค่รู้หน้าที่ของตัวเอง ตอนนี้มีหน้าที่เรียนก็ต้องเรียน แต่ไม่ได้บังคับว่าต้องเรียนเก่ง หรือต้องประสบความสำเร็จ แค่ชอบในสิ่งที่ตัวเองทำ รู้สึกพอใจในสิ่งที่ตัวเองทำ อย่างเรื่องพี่น้อง คุณพ่อคุณแม่ก็จะสอนว่า เกิดมาเป็นพี่น้องกันต้องดูแลกัน ไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่งต้องดูแล ต้องร่วมกันรับผิดชอบ หนูอาจจะเก่งด้านอาร์ต ช่วยดูเรื่องเสื้อผ้าให้เจ๊มิว (พี่สาวคนโต) ได้ ส่วนน้องชายเก่งด้านภาษา ตอนสอบ IELTS เขาก็ช่วยหนู ทุกคนอาจจะถนัดต่างกัน แต่ก็ต้องช่วยเหลือกันค่ะ
          เวลานั่งรถไปด้วยกัน คุณพ่อจะตั้งคำถาม ถ้าเป็นคำถามเกี่ยวกับวิชาการ หนูจะทำหน้างงตลอด ตอบอะไรไม่ค่อยได้ ส่วนใหญ่คำถามที่คุณพ่อถาม เป็นความรู้นอกห้องเรียนหมดเลย หรือบางทีขับรถไปตามเมืองต่างๆ คุณพ่อก็จะถามว่าอันนี้คืออะไร เหมือนเราได้ความรู้รอบตัวเพิ่มขึ้น คุณพ่ออ่านหนังสือเยอะ ศึกษาเรื่องต่างๆ เยอะ เลยเป็นเหมือน Google ค่ะ
          ครอบครัวมีบทบาทในการเติบโตของหนูมากๆ อย่างที่หนูบอกค่ะ หนูเป็นคนไม่เก่งด้าน academic ครอบครัวก็ช่วยผลักดันให้หนูได้ลองทำสิ่งต่างๆ เพื่อให้เจอด้านที่ตัวเองชอบและถนัด ไม่อย่างนั้นหนูคงไม่เจอสิ่งที่ตัวเองถนัดได้เร็วขนาดนี้ หนูคิดว่าหนูเป็นคนหนึ่งที่รู้ว่าตัวเองอยากจะเรียนสายอาร์ต สายแฟชั่น มาตั้งแต่เด็ก

แรงบันดาลใจ
          หนูเลือกเรียน Performance Design เพราะเคยเต้นมาตั้งแต่ตอน 4-5 ขวบ เลยไม่อยากทิ้งการเต้น และ Performance Design ในประเทศไทยยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก หนูคิดว่าถ้าได้กลับมาพัฒนางานด้านนี้ในประเทศไทยก็น่าจะดีค่ะ เพราะไม่ใช่ทุกคนที่มีโอกาสได้ไปเรียนตรงสาย
          งานอาร์ตต้องเริ่มจากศูนย์ เมื่อได้โจทย์มาต้องรีเสิร์ชข้อมูล พอเริ่มทำไปเรื่อยๆ และได้รู้จักกับสิ่งที่กำลังทำมากขึ้น ก็เริ่มหลงรัก เพราะหนูอินกับการเล่าเรื่องราวค่ะ อย่างการเรียนบัลเล่ต์ ตอนแรกคุณแม่บังคับให้เรียนเพื่อปรับบุคลิกภาพ แต่หลังๆ หนูก็เริ่มรัก เริ่มสนุก หนูชอบมูฟเม้นต์ เพราะมันมีความหมายในทุกครั้งที่ขยับตัวค่ะ

ในวัย 20 ปี อะไรคือสิ่งที่คุณให้ความสำคัญมากที่สุด
          การที่หนูได้ลองทำในสิ่งที่หนูไม่เคยทำ ได้ลองทำอะไรใหม่ๆ เช่น การทำละครเวที หนูคิดว่าวัยนี้มันคือการลองเรียนรู้ทุกอย่าง จริงๆ หนูเป็นคนขี้กลัวมากเลยค่ะ แต่พอไปเรียนเห็นทุกคนไม่มีใครกลัวเลย พอไม่กลัวเขาก็มีโอกาสได้ทำหลายๆ อย่าง หนูเลยบอกตัวเองให้ลองซักตั้ง โดยเริ่มต้นจากสิ่งง่ายๆ ค่ะ

ความภูมิใจในตัวเอง
          ถ้าเป็นช่วงชีวิตนี้เลยก็เป็นเรื่องที่หนูสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ หนูใช้เวลากับมันนานมาก หนูก็เลือกที่จะลาออกจากโรงเรียนตอน ม.4 เพื่อมาเต็มที่กับการทำพอร์ตและทำโปรเจกต์เสริมอยู่ประมาณ 2-3 ปี ถึงจะมีความเสี่ยงมาก แต่หนูก็พยายามมาก ไม่ได้หลับได้นอน และต้องขอบคุณคุณพ่อคุณแม่ที่อนุญาตให้หนูลองทำในสิ่งที่ต้องการค่ะ
          ส่วนอีกหนึ่งความภูมิใจกับผลงานชิ้นล่าสุด โปรเจกต์ชื่อ ‘Sleep’ เล่าเรื่องอาการผีอำ หนูเอาประสบการณ์ส่วนตัวมาถ่ายทอดเป็นโชว์ ซึ่งหนูทำเองคนเดียวทั้งหมด ตั้งแต่การวางแผน เสิร์ชหาข้อมูล คิดโคโรกราฟ ทำชุด ทำไฟ ทำซาวด์ ตัดต่อหนังสั้น แต่หนูดีใจมากที่งานออกมาดี ถึงจะยังมีผิดพลาดบ้าง แต่เป็นการทำงานครั้งแรก ซึ่งหนูคิดว่าเราสามารถเรียนรู้จากความผิดพลาด เพื่อพัฒนางานในครั้งต่อไปได้ค่ะ

จุดแข็งของตัวเอง
          การไม่ยอม ทั้งไม่ยอมคน และไม่ยอมแพ้ ถึงแม้จะต้องล้มเหลว หนูจะหาวิธีทำจนกว่าจะสำเร็จ เพราะงานศิลปะมันต้องทดลองทำเยอะมาก กว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ถึงไม่ได้ก็ต้องลอง และที่สำคัญหนูเป็นคนมีความฝัน หนูอยากทำตามความฝันของตัวเอง เพราะหนูเชื่อว่าการที่ได้ทำตามความฝัน ถึงมันจะไม่สำเร็จ แต่มันจะพาไปสู่เส้นทางที่ดี ซึ่งความฝันของหนูคือ อยากตัดชุดแต่งงานให้ตัวเองค่ะ

มุมมองต่อคนรุ่นใหม่ที่มีพลัง
          หนูคิดว่าคนรุ่นใหม่ที่มีพลังควรมีความฝัน และกล้าที่จะต้องเปลี่ยนสิ่งเดิมให้ดีขึ้น ด้วยการนำสิ่งที่มีอยู่แล้วมาพัฒนาให้ดีขึ้น หนูคิดว่าคนรุ่นใหม่สามารถพัฒนาประเทศให้ดีขึ้นได้ เหมือนที่หนูเลือกเรียน Performance Design เพราะหนูอยากกลับมาพัฒนาอุตสาหกรรมนี้ในประเทศไทยให้ดีขึ้น หนูว่าคนไทยเก่ง ไปไกลในระดับโลกได้ แค่เอาความรู้กลับมาทำให้ทุกอย่างมันเดินต่อไปข้างหน้าค่ะ

อยากให้คนจดจำว่าเป็นคนแบบไหน
          อยากให้จำว่าหนูเป็นคนกล้าที่จะลงมือทำ แล้วก็มุ่งมั่นตั้งใจที่จะทำอย่างจริงจัง และไม่ทิ้งเป้าหมายของตัวเองกลางทางค่ะ

บุคคลต้นแบบ
          คนแรก Billie Ellish เขาเป็นนักร้อง รูปร่างอาจจะไม่ได้ตรงตาม Beauty Standard แต่เขาไม่ยอมทิ้งตัวตน เขาเชื่อมั่นความสวยในแบบของตัวเอง ความชอบในแบบตัวเอง แล้วโชว์ออกมาให้ทุกคนเห็นว่านี่เป็นสไตล์ของเขา ส่วนอีกคน Ruth E. Carter เขาเป็นผู้หญิงผิวสีคนแรกที่ได้รางวัลออสการ์ Costume Design จากภาพยนตร์เรื่อง Black Panther การทำชุดของเขามันมีเรื่องราว เขาเอาวัฒนธรรมของแอฟริกา และเรื่องเล่ามาผสมผสานให้เกิดเป็นสิ่งๆ หนึ่งขึ้นได้ค่ะ

HiSoParty สำหรับคุณคือ
          สำหรับหนู HiSoParty คือองค์กรที่ค่อนข้างลักชัวรี เป็นการรวมตัวกันเพื่อทำสิ่งดีๆ อย่างที่ได้เคยเห็นว่ามีการบริจาคสิ่งของ หรือการทำกิจกรรมเพื่อสังคมต่างๆ เป็นการต่อยอดในการทำสิ่งที่ดีขึ้นให้กับสังคมค่ะ

Author By : Lady K.

SHARE